“หม่อมฉันจำได้ ตอนนั้นหานหล่างยังไม่ได้เข้าพิธีสวมหมวก** ก็เขียนกาพย์กลอนได้ยอดเยี่ยมไม่มีใครเทียมแล้ว และเพราะเหตุนี้ฝ่าบาทจึงโปรดปรานเขาเป็นพิเศษ” ฮองเฮาตรัสด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“ไม่ผิด ปีนั้นคัดเลือกปัญญาชนมาสามสิบคน คนที่เราให้ความสำคัญมากที่สุดก็คือเขา ทั้งยังกราบทูลเสนอตัวเขาต่ออดีตฮ่องเต้หลายครั้ง อุปถัมภ์ค้ำชูเขาสุดกำลัง ทำให้เขาหลังสอบผ่านขุนนางได้ไม่ถึงสิบปีก็ขึ้น ดำรงตำแหน่งสำคัญ แทบจะได้เป็นเสนาบดี คิดไม่ถึงว่าเรื่องในรัชศกเจาอู่ปีที่ยี่สิบแปด เขากลับทำให้เราผิดหวังถึงปานนั้น เราพยายามผ่อนสั้นผ่อนยาว แสดงให้รู้เป็นนัยไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้ง เขากลับโง่เขลาและถือทิฐิอย่างดื้อรั้น!” หวนนึกถึงเรื่องในอดีต ฮ่องเต้ยังคงอดพะวงอยู่ในพระทัยไม่ได้
“เรื่องผ่านไปนานเพียงนี้แล้ว ฝ่าบาทยังไม่อาจตัดพระทัยวางลงอีกหรือเพคะ”
“ตัดใจวางลง? เราชื่นชมความปราดเปรื่องของเขา ย้ายเขาไปอยู่ต่างเมืองก็เพื่อต้องการให้เขารู้ว่าเราต้องการให้ปรับความเข้าใจคืนดีกัน ขอแค่เขามีความเข้าใจเห็นอกเห็นใจเพียงเล็กน้อย อย่าว่าแต่เราจะเรียกเขากลับเมืองหลวง จะให้เขาเข้าร่วมสภาขุนนางก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่เขาเล่า เราทั้งเดือดดาลในความดื้อรั้นของเขาและเสียดายด้วยความปวดร้าวใจที่เขาต้องกลายเป็นของดีที่ไม่มีใครรู้ค่า เจ้าจะให้เราตัดใจวางลงอย่างไร”
ฮองเฮานิ่งเงียบ ผ่านไปครู่ใหญ่จึงทอดถอนพระทัย “หม่อมฉันก็เคยอ่านบทกวีของเขา สติปัญญาปราดเปรื่องเพียงนั้นกลับไม่อาจรับใช้ฝ่าบาทได้ ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก” ฮองเฮาทรงใคร่ครวญดูอีกทีและตรัสขึ้น “ในเมื่อฝ่าบาททรงเห็นคุณค่าและเสียดายความปราดเปรื่องของหานหล่าง ไยไม่ทรงมอบความเมตตาแก่คนในครอบครัวของเขาแทนล่ะเพคะ”
“พูดถึงเรื่องนี้…” ฮ่องเต้ตรัสอย่างลังเล “เราถามดูแล้ว เขามีบุตรสาวคนหนึ่ง เราสองคนไม่มีลูกสาวมาคอยปรนนิบัติเลยสักคน เราคิดจะรับลูกสาวของเขามา แต่งตั้งให้เป็นองค์หญิง ถือเป็นลูกสาวของเราเสียเลย เจ้าเห็นอย่างไร”
ฮองเฮาไม่ได้ตอบในทันที หากแต่นิ่งเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ยขึ้น “ในอดีตเกาจู่และไท่จง*** ต่างเคยรับบุตรชายบุตรสาวขุนนางผู้มีคุณูปการมาเลี้ยงดูในวัง ที่ฝ่าบาทตรัสก็ไม่ขัดต่อราชประเพณี เพียงแต่ที่ผ่านมายังไม่เคยมีบุตรขุนนางที่ได้รับพระเมตตาแต่งตั้งเป็นองค์หญิงมาก่อน ถ้าบุตรสาวของหานหล่างได้รับแต่งตั้งเป็นองค์หญิง เกรงจะเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ได้ ฝ่าบาทโปรดทรงไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนด้วยเพคะ”
ฮองเฮาใช้ถ้อยคำนุ่มนวลอ้อมค้อม ทว่าฮ่องเต้ยังคงฟังความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดออก
ครั้งนั้นฮ่องเต้ทรงลดตำแหน่งหานหล่าง ข้อกล่าวหาที่ได้รับค่อนข้างจะขัดกับความเป็นจริงอยู่มาก ยิ่งไม่มีหลักฐานที่ทำให้คนเชื่อถือยอมรับได้ คนที่สายตาคมมองเหตุการณ์ได้ชัดแจ้งย่อมรู้ว่าที่หานหล่างถูกลดขั้นลดตำแหน่งไม่ได้มาจากสาเหตุที่ฮ่องเต้ทรงประกาศให้ทราบอย่างแน่นอน เกรงว่าคงจะเกี่ยวกับเรื่องการสืบทอดราชบัลลังก์ต่อจากอดีตฮ่องเต้กับคดีที่สู่อ๋องและอู๋อ๋องก่อกบฏ แต่ไรมาฮ่องเต้ก็ทรงพระปรีชาญาณ ทว่าครั้งนั้นเพราะพิโรธสุดขีดจึงได้ตัดสินพระทัยทำอะไรเลอะเลือนเช่นนั้น ภายหลังแม้จะทรงนึกเสียใจ แต่ก็ด้วยเกียรติภูมิของกษัตริย์ ไม่อาจถอนพระบัญชากลับมาได้
หานหล่างถือกำเนิดในครอบครัวขุนนาง เดิมฮ่องเต้เข้าใจว่าเขาจะต้องทนต่อความลำบากยากแค้นที่เมืองเจิ้นโจวไม่ได้ และต้องยื่นถวายสารขอความเมตตา ถึงตอนนั้นฮ่องเต้ก็จะพายเรือไปตามกระแสน้ำเรียกตัวเขากลับเมืองหลวง คิดไม่ถึงว่าหานหล่างกลับหยิ่งทะนง หลายปีที่ผ่านมาไม่เคยวิงวอนขอร้องแม้แต่คำเดียว การตายของเขาทำให้ฮ่องเต้ปวดร้าวพระทัยมาก ถึงได้คิดจะรับบุตรสาวของเขาเป็นบุตรบุญธรรม
** พิธีสวมหมวก คือพิธีแสดงความเป็นผู้ใหญ่ของชายที่อายุครบยี่สิบปีในสมัยโบราณ
*** เกาจู่ คือปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ ส่วนไท่จง คือกษัตริย์ที่ครองราชย์เป็นองค์ที่สองถัดจากเกาจู่ ในที่นี้คือปู่ของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน
หมูกระต่าย
พฤศจิกายน 2, 2017 at 4:17 PM
อยากอ่านแล้วค่าาาา รอนะค้าาา