ฮ่องเต้องค์ใหม่เพิ่งขึ้นสืบราชบัลลังก์ ราชกิจรัดตัว ดูเหมือนไม่มีเวลาจะมาสนใจราชนิกุล เว้นก็แต่ผิงเอินอ๋อง เพื่อจะหลีกเลี่ยงตัวอักษรที่ตรงกับพระนามฮ่องเต้ จึงมีรับสั่งให้เปลี่ยนชื่อตัวกลางจาก ‘เฉิง’ เป็น ‘หยวน’ หลังจากนั้นเมืองหลวงกับหย่งโจวก็ไม่มีข่าวคราวติดต่อกันอีก
ฉีซู่แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก คิดว่าบางทีซีจิงทางโน้นคงลืมเลือนพวกนางสองสามีภรรยาไปแล้ว ทว่าหลังจากนั้นไม่กี่เดือนความหวังว่าจะโชคดีของฉีซู่ก็ถูกการมาเยี่ยมเยียนของจางฉี่ไท่ทำลายจนหมดสิ้น
เวลาล่วงเลยมาถึงเดือนสามรัชศกกวงเย่าปีที่หนึ่ง เมืองหย่งโจวเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา บุปผานานาพรรณกำลังเบ่งบาน สีหน้าเครียดขรึมของจางฉี่ไท่เมื่อเปรียบกับทัศนียภาพของฤดูใบไม้ผลิในสวนแล้วดูขัดกันอย่างรุนแรง
“ผู้ตรวจการจาง” ฉีซู่ไม่มีเวลาจะมาคำนึงถึงการแสดงความเคารพ รีบถามด้วยความร้อนใจ “มีข่าวจากเมืองหลวงเช่นนั้นหรือ”
จางฉี่ไท่พยักหน้า ตอบด้วยความเคารพนบนอบ “กระหม่อมได้รับราชโองการจากฝ่าบาท ให้ไปรับตำแหน่งเจ้าเมืองนครหลวงที่เมืองหลวง”
ฉีซู่กับหลี่หยวนเพ่ยต่างหันมามองหน้ากันแล้วไม่พูดอะไร ตามกฎเกณฑ์ของราชสำนัก ผู้ตรวจการหลังผ่านการตรวจสอบสี่ครั้งก็ต้องโยกย้าย ระยะเวลาที่จางฉี่ไท่รับตำแหน่งที่หย่งโจวเกินจากกำหนดเวลาไปแล้ว การโยกย้ายเป็นเรื่องที่ถูกจังหวะและเป็นไปตามขั้นตอน เจ้าเมืองนครหลวงเป็นตำแหน่งขุนนางขั้นสาม ปฏิบัติภาระหน้าที่ในเมืองหลวง ฐานะไม่ด้อยกว่าขุนนางสำคัญในกรมกอง แต่ไรมาก็จะเลือกเฟ้นผู้มีสติปัญญาความสามารถมาดำรงตำแหน่ง จางฉี่ไท่อยู่ที่เมืองหย่งโจวมีผลงานโดดเด่น ไปรับตำแหน่งดังกล่าวก็นับว่าสมเหตุสมผลแล้ว
หลี่หยวนเพ่ยฝืนยิ้ม “ข้าเคยพูดแล้วว่าพี่จางเป็นผู้มีความสามารถสูง ย่อมไม่ถูกจำกัดอยู่เพียงตำแหน่งนี้แน่นอน พี่จางได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง ข้าสองสามีภรรยาสมควรเตรียมงานเลี้ยงฉลอง เพื่อเป็นการแสดงความยินดีที่ได้เผาหาง*”
จางฉี่ไท่ได้ฟังคำพูดแสดงความยินดีของหลี่หยวนเพ่ยแล้ว กลับไม่รู้ว่าควรร้องไห้หรือหัวเราะดี
ตอนตรวจสอบขุนนางในปีนั้นหลี่หยวนเพ่ยช่วยพูดแทนเขา แม้เขาจะไม่ได้เผยอารมณ์ความรู้สึกอะไรออกมา แต่กลับจดจารอยู่ในใจมาโดยตลอด อดีตฮ่องเต้ทรงให้รัชทายาทที่ถูกปลดจากตำแหน่งมาอยู่ในเขตปกครองของเขา เขาเองก็รู้ถึงเจตนาของอดีตฮ่องเต้ดี และคอยดูแลเอาใจใส่หลี่หยวนเพ่ยเป็นอย่างดีมาตลอด หลังจากเฝ้าสังเกตดูมาหลายปี เขามองออกว่าหลี่หยวนเพ่ยจิตใจบริสุทธิ์ดีงาม จึงตั้งใจจะคบหาด้วยความจริงใจ
ไปรับตำแหน่งเจ้าเมืองนครหลวงเป็นการเลื่อนขั้นนั้นไม่ผิด แต่จางฉี่ไท่ออกจะไม่มั่นใจว่าที่แท้แล้วเป็นการโยกย้ายตามปกติหรือฮ่องเต้องค์ใหม่ทรงมีแผนการอื่นใด เขายิ่งไม่แน่ใจว่าควรจะบอกถึงความกังวลในใจของตนกับสองสามีภรรยาหนุ่มสาวที่อยู่ตรงหน้าคู่นี้ดีหรือไม่
“เมื่อผู้ตรวจการจากไปแล้ว เราสองสามีภรรยา…” ฉีซู่อดที่จะขอบตาร้อนผ่าวไม่ได้
แม้นางจะไม่เคยพูดออกมาอย่างกระจ่างชัด จางฉี่ไท่ก็เข้าใจความหมายของนาง พระชายาอ๋องผู้นี้มองเรื่องราวได้ชัดเจน ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิงเอินอ๋องเทียบไม่ได้ บางทีหลี่หยวนเพ่ยอาจยังนึกไม่ถึง แต่นางน่าจะรู้ถึงความพะว้าพะวังของตนแล้ว
“พระชายาไม่ต้องเป็นกังวลแทนกระหม่อม” หลังจากลังเลเล็กน้อย จางฉี่ไท่ก็เอ่ยปากขึ้นช้าๆ “เหมือนดังที่ท่านอ๋องตรัสเมื่อครู่ ไปรับตำแหน่งครั้งนี้เป็นการเลื่อนขั้น อีกทั้ง…มีข่าวจากทางเมืองหลวงว่าฮ่องเต้องค์ใหม่มีพระประสงค์จะอนุญาตให้ท่านอ๋องกลับเมืองหลวง วันหน้าเมื่อท่านอ๋องกับพระชายากลับเมืองหลวง กระหม่อมยังสามารถไปพบปะสนทนากับท่านอ๋องและพระชายาได้อีก”
* เผาหาง หมายถึงเจริญรุ่งเรืองขึ้น มีตำนานเล่าว่าปลาไน (ปลาหลีฮื้อ) ได้กระโดดผ่านประตูมังกร ขณะข้ามผ่านประตูมังกร ฟ้าได้ผ่าลงมาที่หางทำให้หางถูกเผาขาด และปลาไนก็ได้กลายร่างเป็นมังกร