สิ้นคำสั่งคนชุดดำคนหนึ่งก็หันมาแสยะยิ้มให้หวงฝู่จี้ ก่อนล้วงมือเข้าไปหยิบกลักจุดไฟขึ้นมาจุดใส่ขวดน้ำมันในมือและโยนมันลง ทำให้เกิดเพลิงไหม้ลามเลียไปอย่างรวดเร็ว
พวกมือสังหารที่ล้อมกรอบอยู่ที่ด้านข้างประตูต่างชิงถอยร่นออกจากห้องกันไปก่อน เหลือไว้แค่เพียงคนชุดดำไม่กี่คนที่คอยเฝ้าประตูเอาไว้
ควันสีขาวหนาแน่นตลบฟุ้งมากขึ้นทุกที พร้อมกับเปลวไฟขนาดใหญ่ที่ลามไหม้
เมื่อพวกชุดดำที่อยู่ที่ข้างประตูเห็นว่าเพลิงกำลังร้อนแรงได้ที่แล้วก็ไม่รอช้า เร่งชักดาบออกมาฟาดฟันใส่พวกเขาทั้งสี่อีกครั้ง แต่ละดาบล้วนหนักหน่วงอย่างมุ่งเอาชีวิตทั้งสิ้น
“นายท่าน ด้านหน้ามีพวกมันเฝ้าอยู่ ด้านนอกก็มีไฟ พวกเราไม่มีทางถอยอีกแล้ว” หลิงอีรับมือศัตรูพลางบอกหวงฝู่จี้ที่มีอาการย่ำแย่มากขึ้นทุกขณะ
พิษชนิดนี้ร้ายแรงเกินคาด เพียงชั่วพริบตาเดียว หวงฝู่จี้ก็ไม่อาจรวบรวมกำลังภายในได้อีก ร่างกายพลันอ่อนเปลี้ยลงจนต้องคุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้นพลางหอบหายใจหนักหน่วง
“นายท่าน ยังไหวหรือไม่ขอรับ” หลิงอีพยุงเขาขึ้นมาอย่างร้อนใจ
หวงฝู่จี้กวาดสายตามองดูรอบด้านด้วยแววตาที่เริ่มพร่าเลือน ในอากาศมีควันหนาทึบแสบจมูกไม่ขาดสาย ทั้งหลิงเอ้อและหลิงซานต่างถูกฟันเข้าที่แขน มีบาดแผลเต็มตัว โลหิตไหลโชก ถ้าขืนยังคงเป็นแบบนี้ต่อไป พวกเขาทุกคนก็มีแต่ตายสถานเดียว
ในสภาวะที่ศัตรูมีมาก แต่กำลังเรามีน้อยเช่นนี้ องครักษ์อีกสองคนที่เหลือจึงมองสบตากันแวบหนึ่ง ก่อนหันไปร้องบอกสหายที่กำลังคุ้มกันหวงฝู่จี้ว่า “หลิงอี พวกเราสองคนจะเปิดทางให้ เจ้ารีบพานายท่านหนีไปซะ”
“นายท่าน ดูท่าว่าพวกเราคงต้องตีฝ่ากันออกไปแล้ว เพราะที่ด้านหลังก็ไม่มีทางให้ถอย ขอท่านได้โปรดอดทนอีกนิด ผู้น้อยจะพาท่านฝ่าวงล้อมออกไปเอง” หลิงอีพยุงตัวหวงฝู่จี้ฝ่าวงล้อมมรณะออกไปอย่างยอมแลกด้วยชีวิต
“หลิงอี…” หวงฝู่จี้ชี้มือไปทางด้านนอกหน้าต่างที่มีเพลิงโหมรุนแรง “ที่ด้านนอกนั่นมีอ่างเก็บน้ำที่เชื่อมต่อไปยังคลองสุ่ยอวี้…”
หลิงอีเข้าใจความหมายของหวงฝู่จี้ในทันที เขาถือว่ามีวิชาตัวเบายอดเยี่ยมที่สุดในบรรดาองครักษ์สามคน ดังนั้นเขาจึงแบกนายท่านขึ้นหลังเพื่อเหินทะยานหนีเปลวไฟที่ลามเลีย ก่อนกระโจนลงน้ำไปทันควันได้อย่างง่ายดาย
เมื่อหลิงอีใช้วิชาตัวเบาพาหวงฝู่จี้กระโดดหนีไฟไหม้ไปได้แล้ว หลิงเอ้อและหลิงซานก็หายวับจากกองเพลิงไปด้วยเช่นกัน
เมื่อแสงอรุณมาเยือน ท้องฟ้าเริ่มสว่าง ทุกคนต่างตื่นขึ้นจากการหลับใหล ไก่โต้งตัวใหญ่โก่งคอขันอย่างแข็งแรง ที่เบื้องล่างของภูเขาจงหลิงมีสวนพฤกษชาติซึ่งแบ่งออกเป็นเรือนคั่นสาม* ที่จัดแต่งเอาไว้อย่างประณีตเอาใจใส่อยู่แห่งหนึ่ง ควันไฟจากห้องครัวกำลังลอยสูงขึ้นมาตั้งแต่เช้า
ท่ามกลางควันไฟสีขาวลอยตลบอยู่ภายในห้องครัวที่วุ่นกันอยู่นั้น มีกลิ่นหอมยั่วน้ำลายของหมั่นโถวลอยมา ผู้คนที่อยู่ด้านในนั้นกำลังยุ่งอยู่กับการเอาหมั่นโถววางลงไปในลังนึ่ง ก่อนหยิบลังนึ่งอันต่อไปมาเรียงต่อ
* เรือนคั่นสาม เป็นรูปแบบหนึ่งของเรือนผสานสี่ด้าน (ซื่อเหอย่วน) ซึ่งตัวบ้านจะหันหน้าเข้าสู่ลานกลางบ้านที่แบ่งเป็น 3 ลาน
Nichapha
กันยายน 19, 2017 at 2:36 PM
อยากอ่านต่อเมื่อไหร่หนังสือจะออกวางขายค่ะ
Jamsai Editor
ตุลาคม 6, 2017 at 11:36 AM
สามารถซื้อได้ค่ะ ที่งานมหกรรมหนังสือแห่งชาติ, ร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป หรือสั่งซื้อออนไลน์ที่ JamShop ค่ะ