“เอ๋? ลูกแม่ เจ้ามิใช่เพิ่งจะกลับเข้ามาหรอกหรือ” ทำไมแค่ก้าวเข้าประตูบ้านมา พูดจากันได้แค่สองประโยค ลูกสาวของนางก็จะออกไปแล้ว แทนที่จะคว้าโอกาสอันงามที่อุตส่าห์นำตัวมาส่งให้ถึงหน้าประตู
“เดี๋ยวข้าต้องส่งของ เลยต้องไปดูที่สวนสมุนไพรก่อน”
“จะดูของอะไรนักหนา เมื่อวานเจ้าบอกว่าให้พวกคนงานจัดเตรียมเอาไว้แล้วมิใช่หรือ แม่ไม่ให้ไป ต้องอยู่กินมื้อกลางวันที่บ้านเสียก่อน แม่ให้แม่นมเจียงตุ๋นไก่ไว้ให้เจ้าด้วย กินเสร็จแล้วค่อยไป” หวงซื่อสั่งลูกสาวเสียงเย็น
“อืม เจ้าค่ะ” เมื่อมารดาพูดถึงขนาดนี้ นางย่อมต้องยอมนั่งลงแต่โดยดี
ตอนที่เผยจื่ออวี๋ข้ามมิติมาที่นี่ มีหลายครั้งที่หวิดได้ไปรายงานตัวกับยมบาล แต่ก็ได้หวงซื่อเที่ยวไปหยิบยืมเงินจากเพื่อนบ้าน หนึ่งอีแปะบ้าง สองอีแปะบ้าง เพื่อพาลูกสาวไปหาหมอ
นับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาเผยจื่ออวี๋ก็สาบานกับตนเองว่าต่อไปภายหน้า นอกเหนือจากเรื่องใหญ่อย่างเรื่องแต่งงานแล้ว เรื่องเล็กน้อยทั้งหลายนางจะไม่ขัดความประสงค์ของมารดาเด็ดขาด
หวงฝู่จี้ชิมน้ำชารสเลิศด้วยท่าทางไม่รู้ไม่ชี้พลางมองดูอากัปกิริยาของสองแม่ลูก ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เขาถึงได้รู้สึกขบขันปนอบอุ่นลึกๆ อยู่ในใจ นี่หรือคือท่าทีที่คนเป็นแม่ลูกทั่วไปเขาเป็นกัน
ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เคยพูดคุยกับเสด็จพ่อเสด็จแม่อย่างสนิทชิดเชื้อเช่นนี้มาก่อนเลย หวงฝู่จี้จึงอดรู้สึกอิจฉาความรักระหว่างแม่ลูกของเผยจื่ออวี๋กับหวงซื่อขึ้นมาไม่ได้
“อาจี้ เจ้าก็อยู่กินมื้อกลางวันด้วยกันก่อนเถอะ ดูเจ้าสิ ผอมขนาดนี้ น้าหวงจะบำรุงเจ้าเอง ห้ามปฏิเสธเด็ดขาดนะ” จะตีเหล็กต้องตีตอนร้อน หวงซื่อไม่คิดที่จะปล่อยลูกเขยที่เข้าตาตนเองไปง่ายๆ และไม่คอยถามความเห็นชอบของลูกสาวให้เสียเวลา แต่ลงมือทำตัวเป็นสื่อรักให้ทั้งคู่ทันที
เผยจื่ออวี๋ทำหน้าบูดปากยื่นอย่างไม่พอใจ ท่านแม่นางไม่ยอมถามความสมัครใจของผู้อื่นก็รั้งตัวเขาไว้กินข้าวด้วยแบบนี้ มันจะไม่ล้ำเส้นกันเกินไปหรอกหรือ
“ท่านแม่ ท่านยังไม่ได้ถามคุณชาย…เอ่อ จี้ซานเลย ถ้าเกิดเขามีธุระอื่นแล้วท่านไปกักตัวเขาเอาไว้กินข้าวด้วยแบบนี้มันจะไม่เหมาะ” เผยจื่ออวี๋เอ่ยเตือนมารดา
“นอกจากเรื่องที่ข้าตั้งใจมาพบแม่นางเผยแล้ว ข้าก็ไม่ได้มีธุระอื่นอีก”
“เช่นนั้นเจ้าก็อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนได้ใช่หรือไม่ ปกติอวี๋เอ๋อร์มีงานยุ่งมาก น้าหวงต้องกินข้าวคนเดียวอยู่บ่อยๆ ไหนๆ วันนี้เจ้าก็มาทั้งที อยู่กินข้าวเป็นเพื่อนน้าหวงกับอวี๋เอ๋อร์เถอะ” หวงซื่อเอ่ยด้วยท่าทีน่าสงสาร
หางตาของเผยจื่ออวี๋กระตุกนิดๆ ก่อนจะลอบกัดฟันกรอด ท่านแม่ของนางเล่นบทโศกเรียกความสงสารออกมาอีกแล้ว ทุกครั้งเวลาที่รู้ว่าลูกสาวโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาเมื่อไร นางก็จะงัดเอาบทนี้ขึ้นมาเล่น แต่เนื่องจากเวลานี้มีคนนอกอยู่ด้วย เผยจื่ออวี๋จึงไม่สะดวกจะขัดขวางผู้เป็นแม่ ได้แต่ปล่อยให้นางเรียกคะแนนสงสารจากผู้อื่นต่อไป
ท่านแม่นะท่านแม่ คิดจะบังคับให้ผู้อื่นมานั่งกินเลี้ยงดูตัวกันหรืออย่างไร!
แม้จะรู้สึกงงๆ อยู่บ้าง แต่หวงฝู่จี้ก็ตัดสินใจทำตัวตามน้ำไปก่อน เพราะเขาจำเป็นต้องเร่งสร้างความสนิทสนมกับคนในบ้านสกุลเผยเอาไว้เพื่อที่จะได้เป็นประโยชน์ต่อการสืบข่าวของเขา ดังนั้นชายหนุ่มจึงไม่คิดปฏิเสธคำเชิญของหวงซื่อ
“เช่นนั้นข้าก็ขอน้อมรับคำสั่งของน้าหวงขอรับ”
พอรู้ว่าชายหนุ่มถูกมารดาของนางไล่ต้อนจนต้องอยู่กินข้าวด้วย หาใช่ความสมัครใจของเจ้าตัวไม่ เผยจื่ออวี๋ก็หันไปส่งสายตาท้อใจอย่างเป็นการขอร้องมิให้เขาถือสาท่านแม่ของนาง ทว่ามุมปากของหวงฝู่จี้กลับยกขึ้นมานิดๆ
ยิ้มแบบนั้นของเขา มันหมายความว่าอย่างไรกันนะ