ตรารักสายเลือดบาป (เล่ม 1) บทที่ 3 #นิยายวาย – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

overgraY

ตรารักสายเลือดบาป (เล่ม 1) บทที่ 3 #นิยายวาย

วันนั้นที่หรูซิ่วก่อเรื่อง พอองค์ชายสามรู้ข่าวก็รีบไปช่วยเขาให้รอดพ้นจากไม้ในมือของพ่อบ้าน จากนั้นก็ต้องเร่งเข้าวังสะสางธุระ พ่อบ้านโมโหอย่างยิ่งจึงลากตัวหรูซิ่วไปที่ห้องหนังสือ สั่งให้คุกเข่าสำนึกผิดรอให้องค์ชายสามกลับมาจัดการ

จนกระทั่งกลางดึกองค์ชายสามกลับจากวัง ครั้นได้ยินว่าหรูซิ่วคุกเข่ารออยู่ตลอดก็เดือดดาลนัก ความจริงระหว่างนั้นหรูซย่าทนใจแข็งไม่ได้ จึงบอกให้หรูซิ่วลุกขึ้นแต่เขากลับไม่ยอมท่าเดียว บอกว่าจะรอให้องค์ชายสามเป็นผู้จัดการ

องค์ชายสามได้ฟังก็ทั้งเคืองทั้งขัน เมื่อนึกถึงสายสัมพันธ์ศิษย์อาจารย์ในช่วงสั้นๆ ที่มองโกล ด้วยความเวทนาที่หรูซิ่วช่างโชคร้าย ความรักใคร่เอ็นดูที่เขาฉลาดเฉลียว จึงได้แต่คิดว่าคนฉลาดมักจะหัวรั้นอยู่บ้างด้วยกันทั้งนั้น ด้วยเหตุนี้จึงข่มกลั้นโทสะ มุ่งหน้าไปยังห้องหนังสือ

ไม่ผิดจากที่คาด ก้าวแรกที่เดินเข้าประตูไปก็เห็นตัวการนั่งคุกเข่าอยู่หน้าโต๊ะหนังสือ ดวงหน้าแม้จะนุ่มนวลสลักเสลา แต่กลับปรากฏแววดื้อรั้นอย่างชัดเจน

‘ได้ยินว่าเจ้าถามพ่อบ้านว่าเขาเคยใส่ไฟเจ้าหรือไม่ ทั้งยังข่มขู่จงเอ๋อร์ว่าหากไม่ยอมสละตำแหน่งบ่าวรับใช้คนสนิท จะเปิดเผยเรื่องที่เขาแอบขโมยดื่มสุราในคลังใต้ดิน’ จงเอ๋อร์คือหนึ่งในคนที่ถูกเลือก องค์ชายสามไม่เข้าใจว่าเหตุใดหรูซิ่วต้องบีบบังคับจงเอ๋อร์เช่นนี้ เขานั่งลงตรงหน้าโต๊ะหนังสือ ถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ‘ซิ่วเอ๋อร์ ที่ข้าพูดมาเมื่อครู่ มีคำไหนที่กล่าวหาเจ้าผิดๆ บ้าง’

ผู้เยาว์ไม่เคารพผู้ใหญ่ ข่มขู่เพื่อนร่วมชั้น นี่สมควรเป็นการกระทำของผู้มีการศึกษาอย่างนั้นหรือ

 

องค์ชายสามลดราวาศอก เด็กหนุ่มพ้นโทษ

 

‘…มีผลย่อมต้องมีเหตุ’ หรูซิ่วเอ่ยออกมาสั้นๆ ก่อนจะเสริมว่า ‘หากนายท่านไม่คิดจะถามสาเหตุ เพียงเห็นว่าซิ่วเอ๋อร์กำลังหาข้ออ้าง ไม่อยากฟังเรื่องให้ชัดเจน เช่นนั้นท่านอยากโบยอยากลงโทษ ซิ่วเอ๋อร์ก็จะน้อมรับด้วยความเต็มใจ’

องค์ชายสามได้ยินก็รู้สึกว่าน่าขัน เขายังไม่ได้เริ่มตำหนิเลยด้วยซ้ำ เจ้าหนูคนนี้กลับชิงเอ่ยตัดหน้าเสียก่อนแล้วว่าเขาไม่คิดจะถามไถ่ก็ไม่เป็นไร กลยุทธ์ถอยเพื่อรุกเช่นนี้ ถือว่าใช้ได้เหมาะเจาะนัก และหากเขาไม่ยอมฟัง ก็คงไม่ต่างจากเจ้านายปัญญาทึบที่ไม่ยอมฟังเหตุผล

พวกเขาไม่ได้พูดคุยกันตามสบายเช่นนี้มานานเท่าใดแล้ว คล้ายว่าหลังกลับจากมองโกลก็ไม่ได้ทำเช่นนั้นอีกเลย คาดไม่ถึงว่าผ่านไปไม่กี่ปี เด็กน้อยจะชาญฉลาดถึงเพียงนี้

‘ฟังดูแล้ว เหมือนเจ้าจะคิดว่าตัวเองไม่ได้ทำผิดใช่หรือไม่’

หรูซิ่วนิ่วหน้า ‘ซิ่วเอ๋อร์รู้ตัวว่าทำผิดไม่น้อย ดังนั้นจึงคุกเข่าอยู่ที่นี่เป็นการไถ่โทษ’

‘เริ่มแรกเจ้าบอกมิใช่หรือว่ามีผลย่อมมีเหตุ ไยจู่ๆ ก็กลับคำขอไถ่โทษเสียเล่า หากเจ้าเขียนบทความเช่นนี้ หน้าหลังย่อมไม่สอดคล้อง แสดงถึงความเขลาของตน’ องค์ชายสามจับผิดคำพูดเขา

‘ซิ่วเอ๋อร์ทบทวนหน้าหลังดูแล้ว อย่างไรก็ขบไม่แตก เหตุใดนายท่านจึงไม่เลือกซิ่วเอ๋อร์ให้รับใช้ท่านขอรับ’ เขาอาศัยคำขององค์ชายสามถามกลับ ‘ต้องเป็นเพราะซิ่วเอ๋อร์ทำความผิดเอาไว้มากมายโดยไม่รู้ตัวเป็นแน่ เช่นนั้นนายท่านมิสู้ลงโทษข้าโดยตรงเลยเล่าขอรับ’

องค์ชายสามนิ่งงันไป เด็กน้อยก่อเรื่องวุ่นถึงเพียงนี้เป็นเพราะว่าไม่ถูกเขาเลือกให้รับใช้ข้างกายอย่างนั้นหรือ บังคับจงเอ๋อร์ให้สละตำแหน่งเพราะคิดว่าตนจะมีโอกาสเข้ามาแทนที่อย่างนั้นหรือ

ทันใดนั้นความจริงก็กระจ่างแจ้ง ทั้งยังเป็นความจริงที่น่าสนใจอย่างยิ่งเสียด้วย เขาคิดอยู่ตลอดว่าซิ่วเอ๋อร์เป็นเด็กว่าง่าย จะก่อเรื่องก่อราวได้อย่างไร แต่ที่แท้อีกฝ่ายกลับก่อเรื่องวุ่นถึงเพียงนี้ก็เพราะเขานี่เอง!

‘เจ้าลุกขึ้นมาก่อน’ องค์ชายสามแย้มรอยยิ้มบาง น้ำเสียงอบอุ่น

หรูซิ่วโตมาท่ามกลางสายตาเย็นชา จึงเป็นคนช่างสังเกตอารมณ์และสีหน้าของผู้อื่น หลายปีมานี้องค์ชายสามยิ่งโดดเด่นสง่างามขึ้นเรื่อยๆ แต่ทุกครั้งที่มองเขาก็ยังอบอุ่นอ่อนโยนดังเช่นตอนแรก คราวนี้เขามองออกตั้งแต่ต้นว่าองค์ชายสามหาได้โกรธกริ้วไม่ ทั้งยังรักเอ็นดูเขาไม่เสื่อมคลาย ใคร่ครวญดูแล้ว ย่อมไม่มีทางลงโทษเขาเป็นแน่ ดังนั้นจึงทำใจกล้าโขกหัว ‘ซิ่วเอ๋อร์ไม่ลุกขอรับ ซิ่วเอ๋อร์ทำให้นายท่านโมโห ไม่กล้าลุกขอรับ’

องค์ชายสามยิ้มขันอยู่ในใจ หากเป็นบ่าวไพร่คนอื่นกล้าตีโพยตีพายต่อหน้าเขา ย่อมถูกเขาสั่งให้คนลากตัวออกไปโบยนานแล้ว แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าซิ่วเอ๋อร์…เขาย่อมไม่อาจตัดใจลงมือ บางทีอาจเป็นเพราะวาสนาที่ได้ช่วยชีวิต เขาพูดกับตัวเองเช่นนั้นอยู่ในใจ ได้แต่ถามอย่างจนทางเลือก ‘เจ้าอยากรับใช้ข้าถึงเพียงนี้เชียวหรือ’

‘ตั้งแต่ซิ่วเอ๋อร์เข้ามาอาศัยในวัง ทุกวันล้วนคิดอยากจะปรนนิบัตินายท่าน ห้าปีที่หมั่นเพียรศึกษาก็เพื่อเป้าหมายนี้เท่านั้นขอรับ’

อีกฝ่ายตอบอย่างสัตย์ซื่อเปิดเผยยิ่ง หากจะบอกว่าองค์ชายสามไม่ซาบซึ้งก็คงโกหก เขาถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนนุ่มนวล ‘เจ้ารู้หรือไม่ว่าบ่าวรับใช้ข้างกายต้องทำหน้าที่ใดบ้าง’

หรูซิ่วพยักหน้าทันใด ‘ข้าเคยถามพี่หรูซย่าแล้ว ข้ารู้หน้าที่ของบ่าวรับใช้ข้างกายขอรับ’

‘ไหนลองพูดให้ข้าฟังสิ’

‘จัดระเบียบห้องนอนกับห้องหนังสือของนายท่าน ปรนนิบัตินายท่านทำกิจวัตรประจำวัน ตอนเช้าล้างหน้าผลัดอาภรณ์ ต้มน้ำชงชา จัดเตรียมอาหารสามมื้อ ติดตามนายท่านออกไปข้างนอก เตรียมเกี้ยวเตรียมม้า ตอนเย็นเตรียมของสำหรับชำระกาย จัดเตียง นอกจากนี้ก็ทำงานตามที่นายท่านสั่ง’ ทุกสิ่งเขาล้วนแต่อยากทำ

องค์ชายสามส่ายหน้าพลางยิ้ม ‘ไม่รู้ว่าควรเรียกเจ้าว่าเฉลียวฉลาดหรือว่าโง่งมกันแน่’

‘นายท่าน?’ หรูซิ่วงุนงง ดวงตาใสกระจ่างแวววาวจับจ้องมองไปที่เขา

‘เจ้าลุกขึ้นมาก่อนเถิด’ เขาได้ยินว่าอีกฝ่ายคุกเข่านานครึ่งค่อนวันแล้ว

หรูซิ่วลุกขึ้นช้าๆ ครั้นเห็นสีหน้ายิ้มแย้มขององค์ชายสามก็จับต้นชนปลายไม่ถูก

วันนี้เดิมทีเขาหมายข่มขู่จงเอ๋อร์ลับๆ ไหนเลยจะคาดคิดว่าพ่อบ้านจะผ่านมาได้ยินเข้าพอดี เรื่องราวจึงลุกลามใหญ่โตเช่นนี้ ความจริงเขาเองก็กระวนกระวายใจอยู่ไม่น้อย กลัวจะทำให้องค์ชายสามรู้สึกรังเกียจ โชคดีที่ตอนนี้ดูเหมือนองค์ชายสามไม่เพียงไม่ถือโทษโกรธเคือง แต่ยังอารมณ์ดีอย่างมาก

‘การที่ไม่เลือกเจ้าเป็นบ่าวรับใช้ข้างกายเป็นความต้องการส่วนตัวของข้าเอง ไม่คิดว่าจะทำให้เจ้าเข้าใจผิดเสียได้’ องค์ชายสามเอ่ยเสียงนุ่ม

หรูซิ่วเป็นเด็กที่เขาเห็นว่ามีพรสวรรค์ดีที่สุด เมื่อได้อ่านบทความที่หรูซิ่วเป็นคนเขียน ในใจก็เต็มไปด้วยความชื่นชมยินดี ก่อนหน้านี้เขาได้ยินมานานแล้วว่าหรูซิ่วคัดอักษรได้งามนัก เชี่ยวชาญเขียนกลอนท่องกวี เป็นเลิศไม่ว่าบุ๋นหรือบู๊ ความสามารถเหนือกว่าคนอื่นไม่รู้เท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงวางแผนอย่างอื่นไว้ในใจ

เขาจะเชิญอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงมาสอนสั่งหรูซิ่ว

ที่ผ่านมาพวกเด็กๆ เหล่านี้จะร่ำเรียนเขียนอ่านกับสือเค่อ* ในวัง ในหมู่สือเค่อก็มีบางคนที่ความรู้กว้างขวาง บางคนก็มีวรยุทธ์ไม่เลว แต่ถ้าเข้มงวดขึ้นมาอีกระดับ ความรู้เหล่านั้นก็เป็นเพียงความรู้ปลายแถว ใช้ศึกษาเล่าเรียนทั่วไปได้ก็จริง แต่สำหรับเด็กเฉลียวฉลาดมากพรสวรรค์อย่างหรูซิ่ว จะให้ร่ำเรียนกับแค่สือเค่อเหล่านั้นก็น่าเสียดายเกินไป หากได้อาจารย์ผู้มีชื่อเสียงคอยชี้แนะ วันข้างหน้าย่อมประสบความสำเร็จ และเป็นประโยชน์กับเขายิ่ง

‘นายท่าน…’ หรูซิ่วได้ฟังแผนขององค์ชายสามที่วางเอาไว้ด้วยสีหน้ายากจะเชื่อ ในใจทั้งตื่นตระหนกทั้งลิงโลด ขอบตาของเขาร้อนผ่าว ก่อนจะก้มลงคุกเข่าโขกหัว ‘ซิ่วเอ๋อร์ไหนเลยจะคู่ควรให้นายท่านสิ้นเปลืองความคิดเช่นนี้’

องค์ชายสามชื่นชอบคนมากความสามารถมาแต่ไหนแต่ไร จึงรีบผละจากโต๊ะหนังสือเข้าไปประคองให้เขาลุกขึ้น ‘ด้วยพรสวรรค์ของเจ้า ศึกษาอีกไม่กี่ปีไม่ว่าบุ๋นหรือบู๊ย่อมต้องก้าวหน้ายิ่งกว่านี้แน่ ถึงตอนนั้นข้ายังมีเรื่องอีกมากให้เจ้าไปทำจนทำไม่หวาดไม่ไหวเชียวล่ะ ไยต้องมายื้อแย่งตำแหน่งบ่าวรับใช้ด้วย’

หรูซิ่วซาบซึ้งเหลือจะกล่าว ทั้งยังรู้สึกละอายกับเรื่องวุ่นวายที่ตนก่อในวันนี้จนสองแก้มแดงก่ำ แต่พอคิดว่าต้องแยกจากองค์ชายสามไปไกล ในใจก็อาลัยอาวรณ์ยิ่งนัก จึงพึมพำว่า ‘ซิ่วเอ๋อร์เพียงอยากอยู่ข้างกายนายท่าน มีนายท่านสอนสั่ง ไม่ว่าอาจารย์มากชื่อเสียงจากไหนก็ไม่อาจเทียบนายท่านได้ ซิ่วเอ๋อร์นับถือนายท่านเป็นอาจารย์แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้นขอรับ’

คำกล่าวนี้เต็มไปด้วยความเคารพรักและเทิดทูนอย่างไม่ปิดบัง

องค์ชายสามนึกยินดีอยู่ในอก รู้สึกว่าตอนนั้นตนช่วยชีวิตคนไม่ผิดจริงๆ รอบตัวของเขามีคนคอยเฝ้าประจบประแจงอยู่เต็มไปหมด แต่กลับไม่เคยมีใครทำให้เขารู้สึกเช่นนี้มาก่อน ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายยังเป็นเด็กหนุ่มที่เฉลียวฉลาด ชวนให้รักใคร่เอ็นดูคนหนึ่ง

‘เอาเช่นนี้ก็แล้วกัน หลังจากนี้ให้เจ้าทำหน้าที่เป็นเด็กรับใช้ในห้องหนังสือของข้า ตอนที่ข้าไม่อยู่ ตำราที่อยู่ในนี้กับในคลังหนังสือเจ้าสามารถนำมาอ่านได้ พู่กัน แท่นฝนหมึกและกระดาษก็ใช้ได้ตามใจชอบ’ องค์ชายสามเห็นหรูซิ่วคลายคิ้วที่ขมวดมุ่นแล้วยิ้มอย่างเบิกบานก็รู้สึกว่าน่าเอ็นดู จนอดเอื้อมมือเข้าไปขยี้ผมไม่ได้ ก่อนจะพูดคล้ายต่อว่าแต่ไม่ใช่ ‘อย่าได้ดีใจเร็วเกินไป เรื่องนี้ยังต้องมีเงื่อนไข ตอนนี้ข้ายุ่งอยู่กับงานราชการ ไม่อาจตรวจทานบทเรียนของเจ้าได้ ยังต้องเชิญอาจารย์จากข้างนอกเข้ามาสอนสั่ง ถ้าข้ารู้ว่าเมื่อใดเจ้าไม่ตั้งใจศึกษาหรือทำให้อาจารย์ไม่พอใจ จะส่งเจ้าไปทำความสะอาดห้องสุขา และจะไม่อนุญาตให้เข้ามาเหยียบห้องหนังสืออีก เข้าใจหรือไม่’

หรูซิ่วยิ้มกว้าง พยักหน้ารับอย่างพึงพอใจ น้ำตาแทบร่วงเผาะ ชั่วขณะนี้ไม่ว่าองค์ชายสามจะตั้งเงื่อนไขอย่างไร เขาล้วนแต่รับปาก ขอเพียงได้อยู่ข้างกายองค์ชายสาม จะให้ทำอะไรเขาก็ยอมทั้งนั้น ยิ่งไปกว่านี้ยังได้เป็นเด็กรับใช้ในห้องหนังสือแทนตำแหน่งบ่าวรับใช้ที่หมายตา ซ้ำยังจะได้อาจารย์มากชื่อเสียงมาอบรมสอนสั่ง เหนือกว่าที่เขาเคยต้องการอยู่มากโข เช่นนี้จะไม่ให้เขาตื่นเต้นยินดีได้อย่างไร!

นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ในที่สุดความปรารถนาของเขาก็เป็นจริง ได้อยู่ข้างกายองค์ชายสามดังหวัง ยามองค์ชายสามอ่านตำราเขาก็ต้มน้ำชงชา ยามองค์ชายสามเขียนอักษรเขาคอยฝนหมึก ยามองค์ชายสามหารือเรื่องงานราชการเขาก็จดบันทึกใจความสำคัญ

ช่วงเวลานั้น เมื่อหวนกลับไปคิดถึง ในใจก็รู้สึกหวานล้ำยิ่งนัก…

 

* สือเค่อ หมายถึงแขกที่มาพึ่งพาอาศัย หรือผู้ที่ขุนนางหรือราชนิกุลอุปการะเลี้ยงดู ให้อาหารและที่พัก โดยแลกกับการช่วยงานจิปาถะต่างๆ เช่นเป็นที่ปรึกษาหรืออาจารย์สอนหนังสือ

Comments

comments

Continue Reading

More in overgraY

  • overgraY

    ตรารักสายเลือดบาป (เล่ม 1) บทที่ 5 #นิยายวาย

    By

    พิศวาสรัญจวนในห้องหนังสือ คราแรกของเด็กหนุ่ม   ดูจากการที่องค์ชายสามทั้งตีทั้งตวาด แล้วแบกเขาเดินเร่งฝีเท้าด้วยท่าทางกระโชกกระชาก หรูซิ...

  • overgraY

    ตรารักสายเลือดบาป (เล่ม 1) บทที่ 4 #นิยายวาย

    By

      มรสุมพลันสาดซัด เด็กหนุ่มโชกไปด้วยเลือด   ราตรีล่วงผ่านไปโดยไม่อาจข่มตาหลับ วันถัดมาฟ้าเพิ่งจะสาง หรูซิ่วก็รีบวิ่งออกไปเคาะประตู...

  • overgraY

    ตรารักสายเลือดบาป (เล่ม 1) บทที่ 2 #นิยายวาย

    By

    แสงดาราพาดผ่าน ดวงชะตาเคลื่อนคล้อย   กลางดึก รถม้าคันหนึ่งแล่นออกจากเมืองอย่างช้าๆ ระหว่างที่รถม้าวิ่งไปข้างหน้า ตัวรถก็ส่ายไปซ้ายทีขวา...

  • overgraY

    ตรารักสายเลือดบาป (เล่ม 1) บทที่ 1 #นิยายวาย

    By

    สะดุ้งตื่นขึ้นกลางดึก ฝันร้ายอันยากจะลืม   ความจริงแล้ว...เขาแตกต่างจากผู้อื่นที่ใดกันแน่ เหตุใดใครๆ จึงต่างรังเกียจเขาเช่นนี้   ส...

  • overgraY

    เสด็จอา บทที่ 3.2 #นิยายวาย

    By

    บทที่ 3.2   เมื่อกลับมาถึงวังอ๋อง เนื่องจากเหตุการณ์ของชายาทำให้บรรยากาศในวังยังคงอึมครึม ข้าเรียกคนให้หยิบกาสุรามาดื่มในสวนเล็กของตำหน...

  • overgraY

    เสด็จอา บทที่ 3.1 #นิยายวาย

    By

    บทที่ 3.1   วันถัดมา ข้าเข้าวังเพื่อกราบทูลผลการลงโทษชายาต่อฝ่าบาทและไทเฮา เดิมทีข้าจะไปเข้าเฝ้าฉีเจ่อก่อน แต่ขันทีน้อยบอกข้าว่าฝ่าบาทก...

  • overgraY

    เสด็จอา บทที่ 2 #นิยายวาย

    By

    บทที่ 2   ข้าย่างเท้าออกจากประตูตะวันออกของอุทยานหลวงภายใต้แสงสายัณห์ ยังไม่ทันเดินออกมาได้ถึงสองก้าวก็ได้ยินเสียงคนตะโกนเรียกจากทางเบื...

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 1

บทที่ 1 สายฝน+ไหวพริบ ต้นฤดูใบไม้ผลิเมืองเซิ่งจิงมีฝนตกชุก ราวกับผ้าไหมผืนบางที่ปกคลุมผืนฟ้า ทำให้ลานที่รกร้างเงียบเหงาข...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 6

บทที่ 6 คณิกา+เมาสุรา หอคณิกาตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองเซิ่งจิง เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ‘เป่ยหลี่’ ที่นี่ห่างจากที่ตั้งของ...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 2

บทที่ 2 ความสงสัย+คลื่นใต้น้ำ เจ้าเมืองหลี่ตามซูโม่อี้ออกไปแล้ว หลินหวั่นชิงเห็นเงาของเขาวิ่งอยู่ไกลๆ รู้สึกว่าชุดทางการ...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 3

บทที่ 3 ความผิดพลาด+ใต้แสงจันทร์ แม้สิ่งที่ไทเฮากล่าวจะเป็นประโยคคำถาม แต่ซูโม่อี้ก็รู้ว่านางไม่ได้มีความตั้งใจจะถามเขาเ...

community.jamsai.com