ซ่งฮูหยินต้องการลดเกียรติลงมารับเจินจยาฝูเป็นบุตรสาวบุญธรรม คนสกุลเจินย่อมรู้สึกซาบซึ้งในพระคุณเป็นอย่างยิ่ง นี่ถึงได้มีการออกเดินทางลงใต้ของบ่าวหญิงอาวุโสทั้งสองคนนี้ หนึ่งในนั้นคือเยี่ยหมัวมัว เป็นคนสนิทของซ่งฮูหยิน หลังทั้งสองคนมาถึงเฉวียนโจวเมื่อหลายเดือนก่อนก็วางมาดแอบอ้างบารมีมาข่มเหงผู้อื่น ทำการ ‘สั่งสอน’ เรื่องมารยาทและหลักของสตรีให้กับเจินจยาฝู
ตัวเมิ่งซื่อเองก็เกิดมาในตระกูลขุนนาง บิดาเคยเป็นขุนนางใหญ่ประจำท้องที่ ในสายตาเมิ่งซื่อแล้ว รูปโฉมและนิสัยของบุตรสาวมีจุดใดบ้างที่เทียบกับบรรดาคุณหนูตระกูลสูงศักดิ์ในเมืองหลวงเหล่านั้นไม่ได้ นางตระหนักดีว่าซ่งฮูหยินก็แค่อาศัยโอกาสแสดงอำนาจ จะได้ให้บุตรสาวของตนเองเข้าใจว่าวันหน้าต่อให้แต่งไปแล้วก็อย่าได้คิดกดข่มศักดิ์ศรีของภรรยาเอกเดิมได้ แม้ในใจจะรู้สึกไม่ดีเพียงใด ทว่าเปลือกนอกกลับไม่อาจแสดงออก ได้แต่ดูแลบ่าวหญิงอาวุโสทั้งสองคนดุจบูชาเจ้าแม่กวนอิน ปรนนิบัติให้กินดีอยู่ดีทุกวัน
การเดินทางขึ้นเหนือครั้งนี้ บนเรือนอกจากของขวัญวันเกิดที่เตรียมไปให้ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเผยแล้ว ก็ได้แยกของขวัญจำนวนมากไว้สำหรับซ่งฮูหยินด้วยเช่นกัน ของขวัญมีพวกนอแรด งาช้าง มรกต ไข่มุก นอกจากนี้ยังมีผ้าไหม เครื่องหอม ไม่มีสิ่งใดไม่ใช่สมบัติล้ำค่า ส่วนบ่าวหญิงอาวุโสสองคนนั้น หลังขึ้นเรือมาก็จัดเตรียมให้อยู่ในห้องพักชั้นดี ส่งสาวใช้ไปคอยปรนนิบัติ ไม่กล้าละเลยแม้แต่น้อย
หลังออกเดินทางมาหลายวัน ในวันนี้เรือก็แล่นมาถึงฝูเจี้ยน คลื่นลมแรงเล็กน้อย เดิมทีเยี่ยหมัวมัวผู้นั้นนั่งเรือไม่เป็น ตอนขามาก็ได้รับความทรมานมาบ้างแล้ว หนนี้เดินทางกลับจึงเมาเรือไม่สบายอีกครั้ง เมื่อเจินจยาฝูได้ยินข่าวก็มาเยี่ยมด้วยตนเอง หลังเข้าไปในห้องก็เห็นนางนอนอยู่บนเตียง บนหน้าผากนางแปะยาที่ช่วยบรรเทาอาการอะไรไม่ได้เลย ริมฝีปากนางยังคงซีดขาว ดวงตาเหม่อลอย เจินจยาฝูจึงแสดงสีหน้าเป็นห่วง เดินเข้าไปถามไถ่ใกล้ๆ “เพราะข้าแท้ๆ หมัวมัวถึงต้องมาลำบาก ในใจข้ารู้สึกปล่อยผ่านไปไม่ได้จริงๆ ให้ความทรมานเช่นนี้มาอยู่บนกายข้าเสียยังดีกว่า”
อาหารที่เยี่ยหมัวมัวกินเข้าไปเพิ่งจะอาเจียนออกมาจนหมดเมื่อครู่นี้ อาเจียนจนน้ำดีสีเหลืองยังออกมาด้วยแล้ว จึงเอ่ยอย่างไม่มีแรง “คุณหนูเข้าใจความลำบากของบ่าวก็พอแล้ว เป็นเพราะปรารถนาดีต่อท่านจริงๆ บ่าวถึงได้เดินทางมาไกลเพียงนี้ ความทรมานที่ได้รับนั้น เอาทั้งตลอดชีวิตของบ่าวมารวมกันก็ยังสู้ไม่ไหว”
เจินจยาฝูเอ่ยตำหนิตนเองไม่หยุด เอ่ยคำพูดดีๆ ออกมามากมาย ก่อนจากไปยังลุกขึ้นเอ่ย “หมัวมัวพักผ่อนให้ดีเถิด ข้าไม่รบกวนแล้ว จะกินอะไรดื่มอะไรสั่งการสาวใช้ได้เลยเต็มที่ บนเรือมีทุกสิ่งอย่าง ข้ายังเด็กไม่รู้ประสา ทั้งยังไม่เคยพบเห็นโลกกว้าง รอหมัวมัวร่างกายหายดีแล้ว ข้ายังหวังให้หมัวมัวคอยสอนข้ามากกว่านี้อีก”
เยี่ยหมัวมัวเห็นนางมีท่าทีสุภาพนอบน้อม ทุกเรื่องล้วนเห็นตนเองเป็นหลัก ในใจรู้สึกพึงพอใจ จมูกแค่นเสียงอืมออกมาหนหนึ่ง นับว่ารับปากแล้ว
เจินจยาฝูเองก็ไม่ถือสา กำชับให้สาวใช้ของสกุลตนเองดูแลเยี่ยหมัวมัวให้ดีๆ หลังสั่งเสร็จก็ลุกขึ้นยืน ทว่าไม่ทันระวัง เหอเปา ใบหนึ่งบนร่างพลันตกลงมาที่พื้นโดยไม่คาดฝัน เดิมทีปากก็ไม่ได้มัดแน่นอยู่แล้ว ทันทีที่ตกลงมาปากก็คลายออก ยันต์สีเหลืองแผ่นหนึ่งหลุดออกมา
การจะพกยันต์มงคลที่ขอมาจากวัด เดิมทีเป็นเรื่องที่ปกติธรรมดาถึงที่สุด แต่เจินจยาฝูกลับดูลนลานอยู่เล็กน้อย เมื่อเห็นของหลุดออกมาก็รีบก้มลงเก็บยันต์สีเหลืองและเหอเปา ทั้งยังหันหลังกลับไปอย่างรวดเร็ว ยัดสิ่งของกลับไปในเหอเปา สุดท้ายกำเหอเปาทั้งใบไว้ในกำมือแน่นแล้วถึงได้หันหน้ากลับมา เอ่ยขออภัยคล้ายไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก่อนออกจากห้องไป