มีเพียงซูถิงหยวนผู้เป็นประมุขสกุลซูและท่านปู่แท้ๆ ของซูเพียนจื่อที่นิ่งเงียบไม่พูดจามาตลอด รอจนผู้อาวุโสทั้งสองพูดจบไปพักใหญ่แล้ว เขาจึงปริปากในที่สุด
“ข้าคิดไม่ตกว่าเหตุใดนางจึงยอมจ่ายค่าตอบแทนใหญ่หลวงเช่นนี้เพียงเพื่อจะเข้าร่วมการสอบย่อย นางน่าจะรู้ดีว่าตนเองมีข้อจำกัด ต่อให้สามารถเลื่อนเป็นศิษย์ระดับกลางก็ไม่อาจฝึกวิชายุทธ์ได้อยู่ดี และยิ่งไม่มีทางจะได้เรียนรู้ทักษะวิชากลลวงขั้นสูงยิ่งไปกว่านี้”
“ถ้าอย่างไรพวกเราลองถามนางตรงๆ เลยดีหรือไม่” ผู้อาวุโสใหญ่หานเสนอแนะ
จริงอยู่หากได้เป็นศิษย์ระดับกลางแล้ว สิทธิ์ที่จะได้รับในถ้ำพันจิ้งจอกย่อมดีกว่าเดิมมาก แต่ถึงอย่างไรที่แห่งนี้ก็ยกย่องกันตามความสามารถที่แท้จริงอยู่วันยังค่ำ ไม่ว่าด้านอื่นๆ ซูเพียนจื่อจะเก่งกาจสักเพียงใด ท้ายที่สุดแล้วก็เป็นแค่ขยะที่ไม่อาจฝึกวิชายุทธ์ได้อยู่ดี แม้กระทั่งอนาคตบนเส้นทางการฝึกวิชากลลวงก็มีขีดจำกัดอย่างยิ่ง ต่อให้กลายเป็นศิษย์ระดับกลางแล้ว นางก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตนได้
ภายใต้เงื่อนไขเช่นนี้ การสู้สุดตัวของซูเพียนจื่อจึงดูแปลกยิ่งนัก
เมื่อซูถิงหยวนทักขึ้นมา ผู้อาวุโสใหญ่หานกับผู้อาวุโสรองซูจึงได้ฉุกคิดถึงจุดที่ไม่สมเหตุสมผลนี้ และอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วตรึกตรอง
ซูถิงหยวนใคร่ครวญอยู่ชั่วครู่ ท้ายที่สุดก็ไม่ได้ตอบรับข้อเสนอของผู้อาวุโสใหญ่หาน “ยังคงรอให้นางเลื่อนขึ้นมาเป็นศิษย์ระดับกลางจริงๆ ก่อนค่อยว่ากันเถอะ ให้พวกเราได้เห็นฝีมือของยายหนูผู้นี้ให้ชัดๆ ดูซิว่านางอาศัยกำลังของตนเองจะสามารถเดินไปได้ถึงจุดใด นี่ก็เป็นการหล่อหลอมที่ไม่เลวอย่างหนึ่ง”
เช่นนี้เองซูเพียนจื่อจึงคลาดกับโอกาสที่จะได้เข้าใกล้คลังสมบัติบนยอดเขาไปอีกครั้ง…
อันที่จริงใช่ว่านางไม่เคยคิดจะไปหาท่านประมุขแล้วบอกเขาไปตรงๆ ว่าขอเพียงตนเสาะพบ ‘ไร้นาม’ ก็จะสามารถคลายผนึกและฝึกวิชายุทธ์ได้ ทว่าฝูอวิ๋นพูดแค่ไม่กี่ประโยคก็หักล้างความคิดของนางแล้ว
“ยังไม่ต้องเอ่ยถึงว่าท่านประมุขจะเชื่อคำพูดของท่านหรือไม่ เพราะต่อให้เขาเชื่อ เขาคนเดียวก็ไม่มีสิทธิ์จะอนุญาตให้ท่านเข้าใกล้คลังสมบัติเป็นกรณีพิเศษอยู่ดี หากจะละเมิดกฎของสกุลซู ก็จำต้องให้ผู้เป็นประมุขกับผู้อาวุโสทั้งหมดเห็นพ้องต้องกัน ท่านประมุขกับผู้อาวุโสใหญ่หานมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับบิดาของท่าน บางทีอาจยอมละเมิดกฎ ทว่าผู้อาวุโสอีกสี่คนที่เหลือนั้นไม่แน่ พวกเขาต่างก็มีกลุ่มอำนาจเป็นของตนเอง ในมือมีศิษย์อนาคตไกลอยู่เต็มไปหมด ใครเล่าจะไม่อยากให้ศิษย์ของตนได้ครองไร้นาม หากท่านโชคดีได้ไปครองจริง พวกเขาไม่ต้องดูสีหน้าของท่านไปชั่วชีวิตหรอกหรือ
ที่สำคัญที่สุดคือ…หากเรื่องของท่านแพร่งพรายออกไป คนอื่นๆ ที่อยากได้ไร้นามเช่นกันจะจัดการท่านอย่างไรบ้าง ใจคนยากแท้หยั่งถึง บิดาของท่านเคยรู้สึกได้ถึงการคงอยู่ของไร้นาม และถึงขั้นเรียกใช้พลังบางส่วนของมันได้ ดังนั้นโอกาสที่ท่านจะได้ครองไร้นามจึงสูงยิ่งกว่าผู้อื่น สำหรับคู่แข่งที่กล้าแข็งเช่นนี้ วิธีการที่แน่นอนที่สุดก็คือกำจัดทิ้งก่อนค่อยมาว่ากัน!” ฝูอวิ๋นเอ่ยพร้อมดวงตาที่เผยประกายดุร้าย
ซูเพียนจื่อคิดแล้วก็รู้สึกว่ามีเหตุผลอยู่เหมือนกัน อีกอย่างฝูอวิ๋นก็ไม่น่าจะหลอกนางในเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงไม่พิจารณาทางลัดที่อันตรายสายนี้อีก
จนกระทั่งเนิ่นนานหลังจากนั้น นางจึงค่อยเข้าใจแจ่มแจ้งว่าที่จริงแล้วตนถูกฝูอวิ๋นหลอก…เพียงแต่เรื่องนี้ก็ไม่นับเป็นการหลอกลวงด้วยประสงค์ร้ายจริงๆ นั่นล่ะ