ทว่าในครั้งนี้กลับมีเจ้าอ้วนโผล่มาถึงสองคน อีกทั้งซูเพียนจื่อก็จงใจลอกเลียนสีหน้าท่าทางของหลิวเยวี่ยโดยตลอด จึงเป็นเหตุให้ผู้คุมสอบทั้งห้าไม่อาจตัดสินในเวลาอันสั้นว่าสองคนนี้ใครคือหลิวเยวี่ยกันแน่ ดังนั้นเขาจึงสามารถ ‘พ้นเคราะห์’ ไปได้
ผู้ที่ทำให้ทุกคนตกตะลึงอย่างแท้จริงก็คือซูเพียนจื่อ จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่มีใครมองออกว่าใบหน้าหมูอ้วนของนางแปลงออกมาได้อย่างไรกันแน่ เห็นชัดว่านั่นไม่ใช่การโบกด้วยแป้งผัดหน้าหรือวัสดุอื่น สำหรับ ‘เนื้อเผละ’ ที่อยู่บนร่าง หากใช้สายตาจับผิดมองอย่างละเอียดยิบก็อาจพบพิรุธอยู่บ้าง ทว่าแค่นี้ก็ยอดเยี่ยมมากแล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งซูเพียนจื่อปลอมตัวได้ครบเครื่องเช่นนี้ในเวลาเพียงหนึ่งเค่อเท่ากับศิษย์คนอื่นๆ ที่มีพลังวัตร!
“เจ้าก็คือซูเพียนจื่อ?” ซูป๋ออวิ๋นแทบอยากจะขยี้ตาดู
สาวน้อยหน้าตาหมดจดที่ตอนแรกดูหยิ่งทะนงและดื้อรั้นคนนั้นกับเจ้าอ้วนหัวโตพุงพลุ้ยร่างสูงใหญ่ที่มีสีหน้าหลุกหลิกคนนี้…คือคนเดียวกันหรือนี่!
“ใช่เจ้าค่ะ” สุ้มเสียงอันแหบพร่าที่ถูกเปล่งออกจากปากของเจ้าอ้วนฟังแล้วชาแก้วหูราวกับเสียงบาดระคายในยามที่เปลือกไม้เสียดสีกันอย่างแรง
เสียงนี้ถึงกับเปล่งออกมาจากแม่นางน้อยผู้หนึ่ง นางทำได้อย่างไรกันนี่
ทั่วสนามสอบครึกโครมขึ้นมาทันที…ฝีมือของนางช่างลึกล้ำยิ่งนัก!
ซูเพียนจื่อฝืนพูดได้เพียงสามคำ ลำคอซึ่งถูกกัดด้วยน้ำจากพริกสดก็ถ่ายทอดความปวดร้าวราวถูกฉีกกระชากหัวใจ เพียงแค่สูดหายใจแรงหน่อยเท่านั้นนางก็เจ็บแปลบจนหน้าซีดเผือดแล้ว
แม้การเปลี่ยนเสียงของนางจะประสบผลสำเร็จดียิ่ง ทว่าลำคอกลับต้องบอบช้ำสาหัสอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ผู้คุมสอบทั้งห้าล้วนนึกไม่ถึงว่าเด็กสาวผู้หนึ่งจะหักใจใช้วิธีทารุณเช่นนี้กับตนเองได้ลงคอ เพียงเพื่อจะผ่านการสอบย่อยสนามหนึ่งเท่านั้นเอง
ด้วยข้อจำกัดของซูเพียนจื่อ คนส่วนใหญ่ต่างมองว่าการเข้าสอบต่อไปแทบจะไม่ต่างกับการกระทำของคนโง่ เพราะต่อให้นางโชคดีได้กลายเป็นศิษย์ระดับกลางแล้วอย่างไร ที่สุดแล้วนางก็ไม่มีทางจะผ่านการสอบย่อยของศิษย์ระดับกลางไปได้อยู่ดี เพียงเพื่อฐานะความเป็นศิษย์ระดับกลางชั้นล่าง นางถึงขั้นยอมเสี่ยงกับการที่ลำคอและเส้นเสียงอาจถูกทำลายโดยสิ้นเชิง ช่างเป็นความโง่งมที่ไม่มีใครทาบติดแล้วจริงๆ
ใครเลยจะเข้าใจได้ว่าซูเพียนจื่อกำลังดิ้นรนเพื่อสิ่งใด และกำลังไขว่คว้าหาสิ่งใดอยู่
ทว่ามาถึงชั่วเวลานี้แล้ว คนทั้งหมดต่างก็รู้ดีว่าซูเพียนจื่อกำลังจะคว้าคะแนนเต็มในการสอบย่อยวันนี้ได้อีกครั้ง
ด่านที่ยากลำบากที่สุดซึ่งก็คือการตบตาผู้คุมสอบทั้งห้านั้นนางทำได้สำเร็จแล้ว ในส่วนที่เหลือซึ่งจะต้องคงสภาพไว้อย่างน้อยครึ่งชั่วยามนั้น สำหรับผู้เข้าสอบคนอื่นที่แปลงโฉมโดยอาศัยพลังวัตรอาจเป็นด่านหินปราการสวรรค์ ทว่าสำหรับซูเพียนจื่อที่แปลงโฉมโดยอาศัยสิ่งของนอกกายกลับเป็นเรื่องที่ผ่อนคลายกว่ามาก
ไม่มีใครไปใส่ใจสังเกตใบหน้าที่ถอดสีอย่างรุนแรงของซูเทียนหวาในสนามสอบกับซูม่านม่านที่อยู่นอกสนาม