หลี่เฮ่าไตร่ตรองดีแล้วจึงค่อยหยิบวิหคกลที่เตรียมไว้ล่วงหน้าออกมาจากห่อสัมภาระของตน จากนั้นก็นำกิ้งก่าดูดเลือดที่ระหว่างทางถูกตนจับฟาดจนเจ็บหนักหมดสติตัวหนึ่ง ออกมามัดติดบนวิหคกลอย่างแน่นหนา
วิหคกลพอสยายสองปีกก็นำพากิ้งก่าดูดเลือดตัวนั้นบินเข้าไปในถ้ำหมีอย่างเงียบเชียบ ก่อนจะแอบหยุดอยู่ตรงละแวกที่ซ่อนตัวของซูเพียนจื่อ
วิหคกลตัวนี้สามารถตามกลิ่นของซูเพียนจื่อได้ด้วยตัวเอง เพียงรออีกหนึ่งชั่วยามให้หลัง เมื่อหลี่เฮ่าจากไปไกลเพียงพอแล้ว มันก็จะบินเข้าไปใกล้ซูเพียนจื่อแล้วระเบิดตัวเองเพื่อฉีกร่างกิ้งก่าตัวนี้ให้เลือดสาดไปบนตัวของนาง
กิ้งก่าดูดเลือดยังชีพด้วยการดูดเลือดสัตว์ป่าเป็นอาหาร กลิ่นเลือดของตัวมันจึงมีแรงกระตุ้นต่อสัตว์ป่าที่นี่มากยิ่งกว่าเลือดของสัตว์ทั่วๆ ไป
ถึงตอนนั้นหมีสีน้ำตาลขนทองจะต้องเสาะหาในถ้ำของตนอย่างคลุ้มคลั่ง และซูเพียนจื่อก็จะต้องตายอย่างอนาถยิ่ง!
เมื่อจัดการเรื่องเหล่านี้เสร็จสิ้น หลี่เฮ่าก็เก็บข้าวของและกลบลบร่องรอยของตน สุดท้ายเขามองไปทางถ้ำภูเขาด้วยสายตาอันเย็นชา ก่อนจะหมุนตัวจากไปอย่างรวดเร็ว
ซูเพียนจื่อไม่รู้แต่อย่างใดว่ามีแผนร้ายอันน่าพรั่นพรึงเช่นนี้รอคอยนางอยู่ นางค้นหาในถ้ำหมีอย่างละเอียดจนกระทั่งพบจุดซ่อนตัวที่เหมาะสมในที่สุด
นั่นคือถ้ำซ้อนถ้ำ ซึ่งมีความลึกกว่าเก้าฉื่อและตั้งอยู่บนผนังหินฝั่งด้านในของถ้ำหมี ดูแล้วเป็นโพรงถ้ำที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แม้แต่รูปร่างที่ค่อนข้างผอมบางของสาวน้อยเมื่อก้มศีรษะเดินเข้าไปก็ไม่ได้รู้สึกว่ากว้างขวางเท่าใดนัก
ซูเพียนจื่อรู้สึกตื่นเต้นยินดียิ่ง ถ้ำซ้อนถ้ำแห่งนี้สำหรับนางแล้วคือหลักประกันความปลอดภัยอีกชั้นอย่างไม่ต้องสงสัย ต่อให้หมียักษ์สองตัวที่อยู่ข้างนอกพบเห็นนางเข้า พวกมันก็ไม่มีปัญญาจะมุดเข้ามาจัดการนางได้อยู่ดี นางสามารถพักผ่อนรอคอยการมาถึงของวันพรุ่งอยู่ในนี้ได้อย่างสงบสบายใจแล้ว
เพียงแต่ในถ้ำหมีคลุ้งไปด้วยกลิ่นเหม็นสาบของสัตว์ป่า ยิ่งเมื่อผสมกับกลิ่นตะไคร่คลุกโคลนในโพรงถ้ำหินขนาดย่อมนี้ รวมถึงกลิ่นสมุนไพรอันเข้มข้นบนร่างของนาง กลิ่นทั้งหมดนั้นก็ยิ่งชวนให้คลื่นเหียน
กระนั้นหากต้องเผชิญหน้ากับเหล่าสัตว์ร้ายในป่าร้อยสัตว์ ซูเพียนจื่อก็รู้สึกว่าทนเหม็นสักหน่อยสุขใจยิ่งกว่า
นางหยิบ ‘หญ้าเช้าค่ำ’ ต้นหนึ่งออกมาวางไว้ตรงหน้า รอจนหญ้าเล็กๆ ต้นนี้เหี่ยวเฉาโดยสิ้นเชิงเมื่อไร นั่นก็แสดงว่านางอยู่ที่นี่ครบหนึ่งวันเต็มแล้ว
ภายในถ้ำเงียบเชียบจนเหลือแต่เสียงลมหายใจของซูเพียนจื่อกับเสียงกรนดุจฟ้าผ่าของหมีสีน้ำตาลขนทองสองตัวที่อยู่นอกถ้ำ กาลเวลาเคลื่อนคล้อยไปอย่างเชื่องช้า…เชื่องช้ายิ่ง…
“ฮึ่ม!”
ทันใดนั้นเสียงคำรามอันก้องกังวานก็ดังขึ้นที่นอกถ้ำ จากนั้นก็ดังตามมาอีกหน