เนื่องจากสาวน้อยอารมณ์ดีมากเหลือเกิน นางจึงไม่ค่อยเก็บมาใส่ใจที่เห็นฝูอวิ๋นมีสีหน้าแปลกพิกลทั้งวี่วัน ซ้ำมักจะหายหน้าไปไม่เห็นร่องรอย ในเมื่อมนุษย์ก็ยังมียามที่จิตใจห่อเหี่ยวกันได้ หากฝูอวิ๋นจะมีอารมณ์กวีเศร้าซึมนิดๆ เป็นครั้งคราวก็ปล่อยมันไปเถอะ
“หากเจ้ามีเรื่องในใจหรือมีอะไรลำบากใจก็ล้วนบอกกับข้าได้ ข้าฉลาดเฉียบแหลมถึงเพียงนี้ จะต้องคิดหาวิธีช่วยเจ้าคลี่คลายได้อย่างแน่นอน” ซูเพียนจื่อกอดคอฝูอวิ๋นพลางเอ่ยอย่างจริงจังจนจบ โดยไม่ได้คาดคั้นให้มันรีบบอกสาเหตุที่ไม่ร่าเริงออกมา
คนเรามักมีบางเรื่องที่ยอมเก็บไว้ในใจเสียยังดีกว่าบอกเล่าต่อผู้อื่น ฝูอวิ๋นแม้เป็นม้าตัวหนึ่ง แต่ก็คงไม่ต่างกันหรอกกระมัง
ช่วงเวลาสามวันที่ซูเพียนจื่อเฝ้ารออย่างตื่นเต้นนั้น ในที่สุดก็ล่วงผ่านไปด้วยความเร็วที่ยืดยาดเสียจนนางต้องตะกุยกำแพงระบายความขัดใจ วันนี้พอรุ่งเช้านางจึงเร่งฝูอวิ๋นยิกๆ ให้รีบส่งนางไปสมทบกับผู้อื่นที่โถงประชุม
หากไม่ได้รับอนุญาตเป็นพิเศษ อาชาเทพก็ห้ามเหาะขึ้นไปบนยอดเขา ศิษย์ที่จะขึ้นยอดเขาในวันนี้มีมากเหลือเกิน เพื่อไม่ให้เกิดความชุลมุนวุ่นวายจึงกำหนดให้ศิษย์ระดับกลางขึ้นไปทั้งหมดมารวมตัวกันที่ลานกว้างหน้าโถงประชุมก่อน จากนั้นค่อยแบ่งกลุ่มขึ้นเขาเข้าคลังสมบัติไปเลือกของวิเศษ
“พวกเราต้องรีบไปกันหน่อย ไม่เช่นนั้นปล่อยให้ผู้อื่นชิงหยิบไร้นามไปได้ก่อน จะทำอย่างไรกันเล่า” ซูเพียนจื่อเอ่ยอย่างร้อนใจ
ฝูอวิ๋นโคลงศีรษะกล่าวอย่างหงุดหงิดอยู่บ้าง “ไร้นามคืออะไร ใช่ของที่พวกเขาคิดจะหยิบฉวยก็จะหยิบฉวยไปได้อย่างนั้นหรือ หากเป็นเช่นนี้ท่านประมุขกับผู้อาวุโสทั้งห้าซึ่งเข้าออกคลังสมบัติได้อย่างอิสระก็คงจะหยิบมันไปตั้งนานแล้ว”
ซูเพียนจื่อรู้ว่าสิ่งที่มันพูดมามีเหตุผล เพียงแต่ก็ยังทำใจยอมรับไม่ได้อยู่บ้าง ยิ่งไปกว่านั้นนางก็รู้สึกวิตกกังวลมากเหลือเกิน “ถ้าเกิดคราวนี้ข้าหามันไม่พบเล่าจะทำอย่างไรกันดี เจ้าก็พูดเองว่าผู้ที่เก่งกาจอย่างท่านพ่อข้ายังรู้สึกถึงการคงอยู่ของมันได้เท่านั้น ไม่เคยได้ถือครองมันอย่างแท้จริงเลยด้วยซ้ำ ก่อนที่ข้าจะได้เป็นศิษย์ระดับสูง ข้ามีโอกาสจะเข้าไปแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเองนะ…”
ฝูอวิ๋นเงียบงันไร้วาจา สุดท้ายก็พาซูเพียนจื่อเหาะไปถึงลานกว้างที่หน้าโถงประชุม
ตอนที่ทั้งสองไปถึงไม่นับว่าเช้าแต่อย่างใด เพราะศิษย์ระดับกลางและระดับสูงล้วนมารวมตัวกันที่ลานกว้างเกือบครบถ้วนแล้ว ผู้อาวุโสหลายท่านกำลังสั่งกำชับให้พวกเขาแบ่งกลุ่มกันเองกลุ่มละยี่สิบคนเรียงตามขั้นพลังวัตร จากนั้นให้ทยอยไปที่คลังสมบัติบนยอดเขาเป็นกลุ่มๆ ตามลำดับ
แน่นอนว่าศิษย์ระดับกลางที่เพิ่งจะเลื่อนขั้นซ้ำไม่มีพลังวัตรเลยอย่างซูเพียนจื่อย่อมต้องอยู่กลุ่มสุดท้าย
เมื่อนึกถึงคำพูดของฝูอวิ๋นก่อนหน้านี้ ประกอบกับไม่ค่อยมั่นใจว่าจะเสาะพบไร้นามอยู่แล้ว นางจึงไม่ถือสากับลำดับอันย่ำแย่นี้สักเท่าไร
สิ่งที่ทำให้นางประหลาดใจคือตนกับซูเทียนหวายังอุตส่าห์อยู่กลุ่มเดียวกันเป็นคู่ปรับบนทางแคบไปเสียได้…