ทดลองอ่าน ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี บทที่ 3 – หน้า 3 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี บทที่ 3

ต่งอี้เฉิงทั่วร่างเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น เขาเดินออกมาจังหวะก้าวสั้นและเร็ว พอเห็นเหล่าขุนนางคุกเข่าอยู่ด้านนอกเต็มลาน หน้าพลันเปลี่ยนเป็นดำดุจถ่านในทันที “ยังจะคุกเข่าอยู่ทำอะไร เจ้าพวกไร้ประโยชน์กลุ่มหนึ่ง!”

ทงพั่น* ที่คุกเข่าอยู่หน้าสุดรีบลุกขึ้นมา ทนต่อความปวดเมื่อยและชาที่หัวเข่าเดินตามหลังเขา ถามเสียงเบา “ใต้เท้าต่ง องค์รัชทายาทเป็นอย่างไรบ้าง”

ต่งอี้เฉิงหลุบตา สั่นศีรษะติดๆ กันแล้วถอนหายใจ

คนรอบข้างเห็นแล้วในใจต่างลนลาน ไม่กล้าพูดมาก ทยอยลุกขึ้นยืน

ครู่หนึ่งจึงได้ยินต่งอี้เฉิงกดเสียงลงต่ำบอก “ความสามารถในการตัดสินพระทัยเฉียบขาดเที่ยงธรรม ไม่ด้อยกว่าผิงอ๋องในตอนนั้นแม้แต่น้อย!”

ทุกคนต่างนิ่งเงียบ มองหน้ากันไปมา หลังคอมีเหงื่อเย็นซึมออกมาชั้นหนึ่ง

ความเหี้ยมโหดเย็นชาของผิงอ๋องในตอนนั้นใครบ้างไม่รู้

ถือหอกควบม้า โลหิตอาบย้อมแม่น้ำภูเขาห้าแคว้น สองมือประคองมอบใต้หล้าให้ตระกูลเดียว ทั้งชีวิตไม่เคยกลัวผู้ใด เพียงชั่วพริบตาตวัดมือลงก็ปลิดชีวิตคนไปมากมาย!

ต่งอี้เฉิงมองสีหน้าของทุกคน แล้วแค่นเสียงเย็นชาบอก “พวกเจ้าเข้าใจว่าองค์รัชทายาทอยู่ในวังหลวงก็จะไม่รู้วิธีจัดการกองทัพปกครองข้าราชบริพารหรือ คิดผิดอย่างมาก! พวกเจ้าไม่ลองคิดดูบ้าง สิบปีมานี้องค์รัชทายาททรงตรวจสอบและจัดการราชกิจจากสำนักส่วนกลางในเมืองหลวงแทบทุกวัน คิดจริงๆ หรือว่าราชโองการที่ส่งมาถึงทุกเส้นทางทางเหนือล้วนเป็นพระดำริของฮ่องเต้!”

เขาหมุนตัว โกรธจนถีบคนที่อยู่ข้างหน้าไปทีหนึ่ง “บอกไปกี่ครั้งแล้วว่ากำแพงค่ายทางเหนือต้องซ่อม ต้องซ่อม! ตอนนี้ดีเลย ให้องค์รัชทายาทจับได้ตำตา เจ้าข้าล้วนกินไม่หมดต้องห่อกลับ!”

“ใต้เท้าต่ง” คนผู้นั้นกล่าวอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม “เรื่องนี้ก็ไม่อาจโทษข้าคนเดียว ตอนนั้นไม่ใช่เพราะคิดว่าชายแดนทางเหนือคงไม่มีเรื่องอะไร ประหยัดแรงงานราษฎรไว้หน่อย…”

ต่งอี้เฉิงตวัดชายแขนเสื้อเดินไปข้างหน้า “ข้าขอบอกกับพวกเจ้าไว้เลย อย่าเห็นว่าองค์รัชทายาททรงเงียบอยู่ ที่จริงทรงมีวิธีการมากมายมาจัดการ อย่าเข้าใจว่าอาศัยคุณความดีเก่าก็จะไม่มีใครกล้าแตะต้องพวกเจ้า! เวลานี้เขายังอยู่ในตำแหน่งรัชทายาทยังทำได้เช่นนี้ รอวันหน้าได้ขึ้นครองตำแหน่งใหญ่ยังไม่รู้จะเป็นเช่นไร ทุกท่านระวังศีรษะของตนไว้เถิด!”

คนที่เดินตามอยู่ข้างหลังเขาพลันร้อนใจจนขอบตาแดงแล้ว “ใต้เท้าต่ง แล้ว…”

ต่งอี้เฉิงกลับคล้ายนึกอะไรขึ้นมาได้ เท้าพลันหยุดชะงัก หมุนตัวกลับมาชี้ส่งๆ ไปที่คนผู้หนึ่ง “ถูกพวกเจ้าทำให้เลอะเลือนแล้ว! ไป ไปที่ห้องโถงข้างของลานด้านหน้า เชิญใต้เท้าเสิ่นมา บอกองค์รัชทายาทมีธุระเรียกหาเขา”

คนผู้นั้นรีบเดินไปที่ลานด้านหน้า

คนรอบข้างเห็นต่งอี้เฉิงยังคงโกรธจัดอยู่ ย่อมไม่กล้าถามอีก กระทั่งเขาออกจากประตูลานไป จึงมีคนถอนหายใจเสียงต่ำเบาๆ “ครั้งนี้เฉาอันไปเย้าแหย่ใครเข้าหรือ คนที่มาล้วนเป็นใครกัน…”

 

เสิ่นจือซูเพิ่งก้าวเท้าข้างหนึ่งเข้ามาในประตู ปากก็บอก “องค์รัชทายาท…” พูดจบจึงพบว่าในห้องโถงไม่มีคน เขาก็อดเลิกคิ้วไม่ได้ เดินเข้าไปข้างในหลายก้าว ชะโงกหน้ามองไป จึงเอ่ยยิ้มๆ “ในเมื่อจะทรงพักผ่อน เช่นนั้นอีกสักครู่กระหม่อมค่อยมาใหม่”

“ไม่เป็นไร”

อิงกว่านั่งเอนร่างพิงอยู่บนตั่งเตี้ย ก้มศีรษะ เอียงหน้า สีหน้าเคร่งขรึม มือที่ห้อยอยู่ด้านข้างถือกระดาษแผ่นหนึ่งที่เขียนตัวอักษรไว้เต็มไปหมด

เสิ่นจือซูเดินเข้าไป “ได้ยินว่าวันนี้กริ้วหนัก ทำเอาเจ้าหน้าที่ในกองบัญชาการอันฝู่จิตใจหวาดผวาไปหมด”

เขากลับคล้ายไม่ได้ยิน เพียงเลิกคิ้ว ยื่นกระดาษในมือมาให้

เสิ่นจือซูรับมา กวาดสายตาไปแล้วก็ย่นหัวคิ้ว “นี่…ออกจะฝ่าฝืนกฎระเบียบเกินไปแล้ว…” ดวงตาเขากวาดมองขึ้นลงหลายครั้งก็ยิ่งตื่นตะลึง “คนผู้นี้ขวัญกล้าเกินไปแล้ว!”

อิงกว่ายังคงไม่พูด เขาหลับตาลง แล้วขยับขึ้นมานั่งตัวตรง

เสิ่นจือซูสีหน้าจริงจังขึ้นมา ยกชายเสื้อคลุมขึ้น นั่งลงบนม้านั่งที่ด้านข้าง แล้วอ่านข้อความที่เขียนอยู่ในกระดาษคัดลอกอย่างละเอียดลออหลายรอบ จากนั้นถึงปรบมือหัวเราะเสียงต่ำ “ช่างเป็นความเรียงที่ดีเยี่ยม ถ้าให้คนในกองบัญชาการอันฝู่ของเฉาอันได้อ่าน พวกเขาจะต้องอับอายขายหน้า! กระทั่งความรู้ของสตรีผู้หนึ่งยังสู้ไม่ได้”

ครานี้อิงกว่าจึงได้เหลือบตาขึ้น “ไท่ฟู่ได้คัดชื่อคนผู้นี้ออกจากการสอบระดับมณฑลแล้ว”

เสิ่นจือซูประหลาดใจ แล้วมองกระดาษคัดลอกอีกครั้ง “ใช่ เป็นเพราะความเรียงที่ชี้ข้อบกพร่องในการทำงานของขุนนางในเฉาอันเป่ยลู่และเสนอให้แก้ไขนี้ไม่มีประสิทธิผล”

“ไท่ฟู่จะเป็นคนใจแคบเช่นนั้นได้อย่างไร” เขากล่าวเสียงต่ำ “จะต้องเป็นเพราะไม่อาจทำลายกฎระเบียบเพราะคนผู้นี้คนเดียวต่างหาก”

เสิ่นจือซูเลิกคิ้ว “แต่ตอนนั้นหลังจากท่านแม่กระหม่อมเข้าสอบหน้าพระที่นั่งแล้วได้ก่อเรื่องขึ้น ไม่ใช่ท่านพ่อกระหม่อมที่พยายามปกป้องชื่อเสียงความดีความชอบของนางหรือ เหตุใดมาวันนี้กลับไม่ถนอมผู้มีความสามารถแล้ว”

อิงกว่าลุกขึ้นเดินมาทางเขา “นี่จะเหมือนกันได้อย่างไร ตอนนั้นไท่ฟู่ไม่ใช่ผู้ควบคุมการสอบ ทั้งทูลขอให้เสด็จแม่ออกหน้าปกป้องในท้ายที่สุด ครั้งนี้ไท่ฟู่เป็นผู้ควบคุมการสอบระดับมณฑลของเฉาอันเป่ยลู่ ข้างล่างมีสายตากี่คู่มองอยู่ จะไม่คัดชื่อคนผู้นี้ออกได้อย่างไร” เขาเอามือไพล่หลังยืนมั่น “ถ้าไท่ฟู่ไม่ถนอมผู้มีความสามารถก็คงไม่มอบหมายให้คนเอาของสิ่งนี้มาให้ข้าดูแล้ว”

เสิ่นจือซูยิ้มบอก “ตรัสเช่นนี้ พระองค์มีพระทัยจะปกป้องคนผู้นี้?”

เขานิ่งเงียบอยู่พักหนึ่ง มีท่าทีลังเลเล็กน้อย “ไม่รู้นางเขียนความเรียงนี้ที่แท้แล้วเพื่อแสดงความคิดเห็นของตนหรือเพื่อสร้างชื่อให้ตนเอง…ถ้าเป็นอย่างแรกจะต้องเป็นคนโผงผางผู้หนึ่ง วันหน้าอยู่ในราชสำนักจะต้องได้รับความยากลำบากไม่น้อย เกรงว่ายังไม่ทันเผยคมก็คงถูกทำลายเสียก่อน ถ้าเป็นอย่างหลังก็นับว่าเป็นคนประมาทเลินเล่อ คนแสวงหาลาภยศในโลกนี้มีมากมาย คิดจะปีนป่ายให้สูงทั้งยืนได้อย่างมั่นคง อาศัยวิธีการเช่นนี้ไม่มีประโยชน์”

“องค์รัชทายาทใช่ทรงคิดมากเกินไปหรือไม่” เสิ่นจือซูก็ลุกขึ้นยืนเช่นกัน “แค่หญิงสาวอายุสิบเจ็ดคนหนึ่ง ยังไม่มีประสบการณ์ชีวิต คงคิดอะไรก็เขียนเช่นนั้น ไหนเลยจะสนใจอะไรมากมาย ถ้าคนผู้นี้เป็นผู้ปราดเปรื่องที่หาพบได้ยากจริงๆ การถูกคัดชื่อออกจากการสอบจิ้นซื่อเคอจวี่ครั้งนี้ไยมิใช่การสูญเสียครั้งใหญ่ของราชสำนัก”

อิงกว่ายกมือกดกระดาษแผ่นนั้นอย่างแรง นิ่งขรึมไม่พูดอะไร

เมิ่งถิงฮุย

เช้าตรู่วันนั้น ดวงตาคู่นั้นมองเขาอย่างสดใสไร้สิ่งแปดเปื้อนเพียงนั้น

เขาหันหน้าไปมองเสิ่นจือซูที่ยิ้มแย้มอีกครั้ง จากนั้นก็พยักหน้าน้อยๆ อย่างเห็นด้วย พูดด้วยน้ำเสียงค่อนข้างเยียบเย็น “เอากระดาษข้อสอบนี้ไปที่สนามสอบ ถ่ายทอดคำพูดของข้า ให้คนผู้นี้เป็นเจี้ยหยวน* ในการสอบจิ้นซื่อเคอจวี่ของเฉาอันเป่ยลู่”

เสิ่นจือซูกลับตื่นตะลึง “เจี้ยหยวน องค์รัชทายาทเพียงปกป้องความชอบและชื่อเสียงของนางก็พอ เพราะเหตุใดยังต้องให้นางเป็นเจี้ยหยวนของเส้นทางนี้ด้วย เมื่อมีตัวอย่างเช่นนี้ขึ้นมา ถ้าต่อไปเส้นทางอื่นก็เจริญรอยตามคนผู้นี้ควรจะทำอย่างไร”

อิงกว่ากล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “ในเมื่อนางอยากจะโดดเด่นเหนือผู้อื่นเพียงนี้ เช่นนั้นก็ช่วยส่งนางสักระยะ…ให้คนในใต้หล้าได้รู้ว่าเฉาอันเป่ยลู่มีเมิ่งถิงฮุยผู้นี้อยู่ ทั้งดูว่าในการสอบของกรมพิธีการนางจะสามารถเขียนความเรียงที่ยอดเยี่ยมได้อีกหรือไม่”

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 1

บทที่ 1 สายฝน+ไหวพริบ ต้นฤดูใบไม้ผลิเมืองเซิ่งจิงมีฝนตกชุก ราวกับผ้าไหมผืนบางที่ปกคลุมผืนฟ้า ทำให้ลานที่รกร้างเงียบเหงาข...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 6

บทที่ 6 คณิกา+เมาสุรา หอคณิกาตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองเซิ่งจิง เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ‘เป่ยหลี่’ ที่นี่ห่างจากที่ตั้งของ...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 2

บทที่ 2 ความสงสัย+คลื่นใต้น้ำ เจ้าเมืองหลี่ตามซูโม่อี้ออกไปแล้ว หลินหวั่นชิงเห็นเงาของเขาวิ่งอยู่ไกลๆ รู้สึกว่าชุดทางการ...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 7.1

บทที่ 7.1 วันรุ่งขึ้นเป็นวันหยุด ยามที่ซูโม่อี้ตื่นขึ้นมาก็เกือบจะเที่ยงวันแล้ว ผลที่ตามมาของอาการเมาค้างก็คือปากแห้งและ...

community.jamsai.com