ฉู่อวิ๋นเฟยพูดไม่ออก เพียงแต่จ้องมองพวกเขา
“น้องฉี เจ้าพูดเช่นนี้กับท่านพ่อได้อย่างไร ไร้มารยาท รีบยอมรับผิดกับท่านพ่อเสีย” ฉู่เฉาหรงรีบกล่าวขึ้นทันที
ฉู่เซวียนฉีกำหมัด จ้องบิดาอย่างแข็งกร้าว
“ลูกหลานสกุลฉู่ ห้าขวบเริ่มฝึกวิชาพลังภายใน หากอายุถึงสิบขวบยังไม่ผ่านถึงระดับสามก็ต้องเริ่มเรียนรู้ความพอเพียง จะไม่ได้เสพสุขจากทุกสิ่งทุกอย่างที่ตระกูลจัดให้” ฉู่อวิ๋นเฟยค่อยๆ อธิบาย
แม้จะเป็นลูกของเขา ก็ไม่ได้รับการยกเว้น
ฉู่เซวียนฉีเจ็ดขวบแล้ว วิชาพลังภายในยังคงหยุดอยู่ที่ขั้นดิน ระดับหนึ่ง ในสายตาเขาหมดสิ้นซึ่งความหวัง ถ้าฉู่เซวียนฉีไม่ใช่ลูกเขา เขาจะส่งฉู่เซวียนฉีและฉู่อีเหรินไปยังเรือนอื่น ไม่ต้องเจอหน้าอีกเป็นดี
“ดังนั้นท่านพ่อจึงไม่คิดว่าข้าเป็นลูกท่านแล้วใช่หรือไม่” ฉู่เซวียนฉีเศร้าใจเล็กน้อย เขาเคยรอคอยความรักและอ้อมกอดจากบิดา ทว่ากลับไม่มีวันได้รับมันเลย แต่ไหนแต่ไรท่านพ่อไม่เคยกอดเขาอย่างที่กอดพี่รอง…
“เจ้าเป็นลูกข้า แต่กฎของตระกูลจะไม่เข้าข้างใคร แม้เจ้าจะเป็นลูกข้า เจ้าก็เหมือนกับทุกคน จะต้องทำตามกฎของตระกูล” ฉู่อวิ๋นเฟยเอ่ยในสิ่งที่ไม่มีใครค้านได้ สติปัญญาความสามารถของฉู่เซวียนฉีทำให้เขาระอาใจจริงๆ
“พี่เล็ก อย่าเสียใจไปเลย” จู่ๆ เสียงปลอบโยนแผ่วเบาก็ดังออกมาจากอ้อมกอดของฉู่เซวียนอั๋ง ก่อนที่ฉู่อีเหรินจะพุ่งไปหาฉู่เซวียนฉี โอบกอดเขาและตบตัวเขาเบาๆ เป็นการปลอบโยน
ผู้ใหญ่สามคนที่นั่งอยู่ในตำแหน่งหลักประหลาดใจเล็กน้อย ในสายตาพวกเขา เด็กหญิงอ่อนแออายุสามขวบถึงจะอยู่ตรงนั้นด้วยก็เสมือนไร้ตัวตน พวกเขาจึงล้วนเมินเฉย คาดไม่ถึงว่านางกลับกล้าเอ่ยวาจาในเวลาเช่นนี้
“พี่เล็ก ฉู่อีเหรินรักพี่” ฉู่อีเหรินตบตัวฉู่เซวียนฉีเบาๆ จากนั้นยกมือขึ้นมาถูแก้มเขา ทำให้ความท้อแท้สิ้นหวังในใจของเขาหายเป็นปลิดทิ้งโดยพลัน เขาคลี่ยิ้มบางๆ ออกทันใด
“อืม” เขากอดน้องสาวแน่น เขาได้รับพลังที่ทำให้ตนเองรู้สึกอบอุ่นจากร่างน้อยของนาง จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมองฉู่อวิ๋นเฟย “ท่านพ่อ ข้าไม่ขออภัย”
แต่ก่อนเขาอาจจะเชื่อฟังท่านพ่อเพื่อทำให้ท่านหายโกรธ แต่ตอนนี้ไม่มีวัน พี่ใหญ่ปกป้องเขา ฉู่อีเหรินปลอบโยนเขา นอกจากพวกเขาแล้ว ต่อไปเขาจะไม่มีทางทำเรื่องที่ตนเองไม่มีความสุขเพื่อใครเด็ดขาด ไม่มีวันกลัวจนหัวหดอีก
“ฉีเอ๋อร์!” ฉู่อวิ๋นเฟยคิดไม่ถึงว่าลูกชายที่ยอมทำตามคำสั่งเขามาตลอด ไม่เคยขัดขืนต่อความคิดของเขา ยามนี้จะทำตัวเป็นฝ่ายตรงข้าม!
ดื้อด้านจริงๆ!
“ข้าไม่ใช่คนไม่เอาไหน” นี่เป็นครั้งแรกที่ฉู่เซวียนฉีจ้องตอบบิดาด้วยท่าทีเด็ดเดี่ยว แม้จะรู้สึกตึงเครียดและหวาดกลัวอยู่บ้าง แต่ที่มีมากกว่าคืออยากมีความกล้าหาญ
และในเวลานี้จู่ๆ สัตว์วิเศษที่ซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ว่างก็โผล่ออกมา ใต้เท้าฉู่เซวียนฉีปรากฏวงแสงขึ้นทันที
ฉู่อวิ๋นเฟยจ้องวงแสงอย่างตื่นตระหนก คนอื่นก็ตะลึงงันเช่นกัน
“โฮ่วๆ!” สัตว์ตัวน้อยคำรามไปทางฉู่อวิ๋นเฟยอย่างเกรี้ยวกราดและไม่เกรงใจสองเสียง แม้เสียงคำรามจะไม่มีพลังสั่นสะเทือนอะไรเพราะตัวเล็ก แต่ก็แสดงออกว่ามันไม่ชอบใจบุรุษที่ยั่วให้เจ้านายโกรธ ผลที่ตามมาคือ…คำรามใส่เขาสองเสียง ตั้งท่าเตรียมต่อสู้ เตรียมกระโจนไปหาบุรุษผู้นี้ให้ได้เห็นดีทุกเมื่อ!
“สัตว์…สัตว์วิเศษ?” ฉู่อวิ๋นเฟยมองสัตว์ตัวน้อยสีดำพลางอ้าปากค้าง จากนั้นสายตาก็เลื่อนไปทางลูกชายคนเล็กอย่างงุนงง “ผู้…ผู้ครองสัตว์วิเศษ?!”
ยังไม่ทันได้สติ จู่ๆ พ่อบ้านก็รีบเดินเข้ามาจากด้านนอกเรือนหลักและรายงานฉู่อวิ๋นเฟย
“เรียนนายท่าน ผู้อาวุโสเฟิงและสหายรักจากสมาคมผู้ครองสัตว์วิเศษมาเยี่ยมเยียนขอรับ”
ผู้อาวุโสเฟิง? ผู้บัญชาสัตว์วิเศษที่มีชื่อเสียงโด่งดังในดินแดนเทพยุทธ์?!
ฉู่อวิ๋นเฟยตกตะลึงอีกครา
โปรดติดตามตอนต่อไป