เห็ดที่สือเอ้อร์หลางเก็บกลับมามีไม่น้อยที่มีพิษ เพียงแค่ดอกเดียวก็ฆ่าสัตว์วิเศษขนาดใหญ่ได้แล้ว แต่เสี่ยวฮุยกลับยิ่งกินยิ่งเบิกบาน เพียงประเดี๋ยวเดียวก็กินเห็ดที่กองใหญ่กว่าตัวมันถึงสามสี่เท่าจนเกลี้ยง
ฉินโยวโยวยื่นนิ้วไปเขี่ยหูยาวที่ไม่เข้ากับตัวมัน ก่อนพูดยิ้มๆ “กินอิ่มแล้วหรือยัง ต่อให้ยังไม่อิ่มก็อย่าได้เที่ยววิ่งไปไหนส่งเดช มิเช่นนั้นหลงทางขึ้นมาจะแย่เอา”
ผู้พูดไม่คิดอะไร ทว่าผู้ฟังกลับหมดคำพูด ที่กระต่ายหิมะหลงทางได้ชื่อว่า ‘หลงทาง’ เป็นเพราะพวกมันใช้ประโยชน์จากลักษณะของพื้นที่หลบหนีการสะกดรอยของศัตรู ทำให้ศัตรูงุนงงกระทั่งหลงทางได้ง่าย แต่ไฉนพอมาเป็นกระต่ายตัวนี้กลับกลายเป็นหลงทางที่มีความหมายว่าตัวมันหลงทางเองไปได้เล่า
เสี่ยวฮุยไม่ตอบอะไร ทว่าจู่ๆ ก็กระโดดเข้าสู่อ้อมแขนเจ้านายก่อนร้องด้วยความตกใจ “ม้าปีศาจ! ม้าปีศาจอัปลักษณ์ตัวนั้นมาแล้ว!”
เพิ่งจะพูดจบก็เห็นเงาร่างสีแดงเพลิงของจู้อวิ๋นเฟยวิ่งพรวดพราดออกจากป่ามาถึงเบื้องหน้าคนทั้งหลาย ปากก็พูดเสียงดังว่า “เจ้านาย ในหุบเขาทางด้านหลังมีหญ้าสีทองอยู่ต้นหนึ่ง กลิ่นหอมยิ่งนัก จะต้องเป็นสมุนไพรวิเศษที่มีสรรพคุณล้ำเลิศแน่นอน! ข้าให้ต้าจุ่ยเฝ้าเอาไว้ ท่านรีบตามข้าไปดูเร็ว!”
ต้าจุ่ยมีวาทศิลป์เป็นเลิศ ใช้เวลาแค่ตอนเช้าก็สามารถกล่อมจู้อวิ๋นเฟยที่คิดอะไรไม่ซับซ้อนได้อยู่หมัด และดึงมาเป็นสหายได้แล้ว จู้อวิ๋นเฟยรังเกียจว่าติดตามรถม้าวิ่งได้ช้า จึงล่วงหน้ามาเที่ยวเล่นล่าสัตว์ในบริเวณใกล้ๆ กับต้าจุ่ยก่อน คิดไม่ถึงว่าจะได้ผลเก็บเกี่ยวโดยไม่คาดคิดเช่นนี้
สมุนไพรวิเศษที่ขึ้นอยู่ในสถานที่นี้อย่างมากก็เป็นแค่ขั้นสี่ขั้นห้าเท่านั้น เหยียนตี้ไม่มีความสนใจมากนัก ทว่าเห็นจู้อวิ๋นเฟยคึกคักดีใจก็ไม่อยากทำร้ายความรู้สึกของมัน หลายวันมานี้เขาละเลยมันเพราะฉินโยวโยว มันกำลังมีความขุ่นเคืองอัดแน่นอยู่เต็มท้อง
ฉินโยวโยวกับเสี่ยวฮุยมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ก่อนจะกระแอมกระไอแห้งๆ แล้วพูดขึ้นอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่บ้าง “ไม่ต้องรีบร้อนถึงเพียงนั้นหรอก…หญ้าต้นนั้นน่าจะ…ไม่เหลือแล้ว”
จู้อวิ๋นเฟยถลึงตาสีแดงฉานใส่ ก่อนพ่นลมหายใจถามฉินโยวโยว “เจ้าหมายความว่าอย่างไร!”
ฉินโยวโยวถอยหลังไปสองก้าวก่อนตอบ “ต้าจุ่ยมันชอบกินสมุนไพรวิเศษยิ่ง ดังนั้น…”
นางยังพูดไม่ทันจบประโยคก็มีเสียงดังสะท้านฟ้าสะเทือนดินมาจากทิศทางของหุบเขาที่จู้อวิ๋นเฟยบอก สอดแทรกด้วยเสียงคำรามอย่างคลุ้มคลั่งของสัตว์อสูร ทำเอาคนได้ยินใบหน้าเปลี่ยนสี
“แย่แล้ว!” ฉินโยวโยวนึกถึงเรื่องหนึ่งได้ในทันควัน สมุนไพรวิเศษที่จู้อวิ๋นเฟยกับต้าจุ่ยค้นพบอาจจะมีระดับขั้นไม่ต่ำ บริเวณใกล้ๆ ย่อมมีสัตว์อสูรเฝ้าอยู่เพื่อครอบครองสมุนไพรวิเศษชั้นดีในตอนที่โตเต็มที่ ต้าจุ่ยไปกินสมุนไพรวิเศษ จึงถูกสัตว์อสูรเหล่านั้นพบเข้า ไม่กลืนมันลงไปทั้งเป็นก็แปลกแล้ว
สิ่งที่นางนึกได้ เหยียนตี้ย่อมจะนึกได้เช่นกัน จึงทิ้งคำพูดไว้ว่า “เจ้ารออยู่ตรงนี้อย่าไปที่ใด” แล้วออกตัวไปยังหุบเขาที่เกิดเสียงดังพร้อมกับจู้อวิ๋นเฟย
จู้อวิ๋นเฟยฝีเท้าเร็วเป็นที่สุด เพียงชั่วครู่ก็วิ่งมาถึงภายในหุบเขา ภาพตรงหน้าระเนระนาดไปหมด บนพื้นมีต้นไม้ดึกดำบรรพ์ขนาดมหึมาถูกกระแทกหักกลางลำต้น ท่ามกลางกรวดหินฝุ่นดินตลบฟุ้ง งูเหลือมยักษ์สีเขียวมรกตที่บนหลังมีปีกคู่หนึ่งกำลังคำรามเสียงดังพลางตามโจมตีนกสีดำตัวใหญ่ตัวหนึ่งอยู่
นกตัวใหญ่ตัวนั้นไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคือต้าจุ่ย ทางหนึ่งมันพยายามกระพือปีกหลบหลีกการโจมตีจากงูเหลือมยักษ์สุดชีวิต อีกทางก็ร้องแว้กๆ เสียงหลง “ช่วยด้วย! โยวโยวช่วยด้วย!”
มองเห็นจู้อวิ๋นเฟยกับเหยียนตี้เร่งรุดมาถึงจากที่ไกลๆ ต้าจุ่ยก็โผบินไปหาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง งูเหลือมยักษ์สีเขียวมรกตที่มีปีกตัวนั้นไหนเลยจะยอมปล่อยมันไป กระพือสองปีกบินตามมาทันที
งูปีกมรกตขั้นห้า?!