ทดลองอ่าน ลูบคมองครักษ์สวมรอย บทที่ 53-54 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ลูบคมองครักษ์สวมรอย บทที่ 53-54

หน้าที่แล้ว1 of 7

บทที่ 53

วันที่ยี่สิบเดือนสาม หวังเหยียนชิงตื่นแต่เช้าตรู่ วันนี้นางต้องเข้าวังไปเยี่ยมเจี่ยงไทเฮา การไปเยี่ยมไข้แน่นอนว่าไม่อาจสวมใส่เสื้อผ้าสีฉูดฉาด แต่หากสวมสีขาวตลอดร่างก็ไม่เหมาะ ที่ร้ายไปกว่านั้นคือหวังเหยียนชิงยังสูญเสียความทรงจำ กับธรรมเนียมพิธีในวังมีแต่ความว่างเปล่า โชคดีที่มีลู่เหิงคอยชี้แนะ ภายใต้การช่วยเหลือของหลิงซีและหลิงหลวน หวังเหยียนชิงจึงเลือกชุดเข้าวังได้ในที่สุด

วันนี้มิใช่การเข้าเฝ้าอย่างเป็นทางการ ไม่จำเป็นต้องสวมใส่ชุดที่เป็นพิธีการเกินไป ดังนั้นหวังเหยียนชิงจึงเลือกเสื้อตัวยาวผ้าโปร่งมีลายจางๆ สีกลีบบัว สีเรียบบริสุทธิ์ตลอดร่าง ไม่มีลายปักรูปดอกไม้อย่างเด่นชัด เสื้อตัวยาวเป็นสีม่วงอ่อนอมชมพู ไม่เรียบจนถึงขั้นทำให้ผู้อาวุโสเห็นแล้วไม่พอใจ เสื้อตัวยาวผ่าหน้าคอตั้งมีกระดุมสีทองติดอย่างเป็นระเบียบจนถึงลำคอ ผ่าข้างตรงหัวเข่าทั้งสองเผยให้เห็นกระโปรงจับจีบแพรโปร่งสีขาวที่อยู่ด้านใน

วันนี้ลู่เหิงไม่ได้ไปกองเจิ้นฝู่ใต้ แต่รออยู่ที่จวนสกุลลู่ตั้งแต่เช้า หวังเหยียนชิงแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไม่กล้าชักช้า รีบไปหาลู่เหิงที่เรือนหลัก ลู่เหิงเห็นนางมีท่าทีจริงจัง กระดุมติดครบทุกเม็ดจนถึงลำคอก็อดขบขันมิได้ ลู่เหิงจัดคอเสื้อให้นางอย่างนุ่มนวลพลางพูด “ไม่ต้องประหม่าไป ซิงกั๋วไทเฮาอัธยาศัยดีมาก หมู่นี้พระวรกายไม่ค่อยดีนัก จึงเรียกตัวเด็กๆ ทุกคนไปพบเท่านั้น เจ้าเข้าวังแล้วทำทุกอย่างให้เป็นปกติก็พอ ไม่ต้องกังวล”

หวังเหยียนชิงรับคำ ลู่เหิงปากบอกว่า ‘ไม่ต้องประหม่า’ แต่เรื่องนี้กลับเกิดขึ้นกับตัวเขาเสียเอง จะไม่ให้ลนลานได้อย่างไร นิ้วมือของชายหนุ่มจัดคอเสื้อของหวังเหยียนชิงให้เรียบร้อย ชะงักครู่หนึ่งจากนั้นก็วางมือลงบนไหล่ของนางแล้วบีบเล็กน้อย “นับตั้งแต่ฤดูหนาวปีที่แล้ว อาการประชวรของซิงกั๋วไทเฮาก็ขึ้นๆ ลงๆ แม้แต่หมอหลวงยังจนปัญญา ข้าเกรงว่าไทเฮาจะทรงเป็นห่วงจึงไม่ได้บอกเรื่องของเจ้ากับนาง”

เรี่ยวแรงจากนิ้วของลู่เหิงคล้ายแฝงนัยบางอย่าง หวังเหยียนชิงเข้าใจทันที เจี่ยงไทเฮาไม่รู้เรื่องที่นางสูญเสียความทรงจำ หวังเหยียนชิงพยักหน้า “ข้าเข้าใจ ข้าจะพยายามพูดให้น้อยที่สุด ไม่ทำให้ไทเฮาทรงเป็นห่วง”

ลู่เหิงทำท่าจะพูดและเงียบไป สุดท้ายก็ถอนหายใจเงียบๆ ในใจ บัดนี้คนที่สมควรเป็นกังวลคือเขาต่างหาก ลู่เหิงสามารถเปิดเผยความจริงกับฮ่องเต้ได้ แต่เจี่ยงไทเฮาเป็นผู้ใหญ่ที่จิตใจเมตตาอารี ร่างกายก็ประหนึ่งตะเกียงที่ใกล้หมดน้ำมันแล้ว ลู่เหิงไม่กล้าบอกความจริงกับเจี่ยงไทเฮาจริงๆ ในความคิดของหวังเหยียนชิง นางเป็นเด็กกำพร้าที่สกุลลู่รับมาเลี้ยงดู เคยได้รับพระกรุณาธิคุณจากเจี่ยงไทเฮา ทว่าในความคิดของเจี่ยงไทเฮา หวังเหยียนชิงเป็นคนของลู่เหิง ถูกเขาพามาซุกซ่อนไว้ในจวนสกุลลู่ ลู่เหิงยังไม่รู้เลยว่าประเดี๋ยวเข้าวังไปแล้ว เขาจะหลอกลวงสตรีสองคนนี้พร้อมกันอย่างไรดี

คงได้แต่คิดอ่านไปทีละก้าว

ครั้งนี้หวังเหยียนชิงตามลู่เหิงเข้าวัง ทุกย่างก้าวล้วนราบรื่นยิ่งนัก องครักษ์หน้าประตูวังเห็นลู่เหิงก็รีบโค้งคำนับ ยังไม่ทันได้ตรวจสอบก็ปล่อยให้พวกเขาผ่านเข้าไป ครั้งก่อนหวังเหยียนชิงเข้าประตูวังทางทิศบูรพา ทว่าครั้งนี้พวกเขาเข้าวังจากประตูโย่วซุ่น เดินตามเส้นทางแคบๆ ไปทางทิศเหนือ

หวังเหยียนชิงลอบสังเกตสิ่งก่อสร้างสองฟากฝั่ง ที่นี่มีขันทีเข้าออกมากมายแตกต่างจากขันทีในความคิดนางที่ต้องค้อมกายคุกเข่า ท่าทีเสียดสีแดกดัน ผู้คนที่นี่แต่ละคนดูสุภาพ หากมิใช่ว่าร่างกายสวมใส่ชุดขันที บอกว่าเป็นบัณฑิตนางก็เชื่อ ขันทีที่เดินไปมาเห็นพวกเขาก็โค้งคำนับจากที่ไกลๆ ลู่เหิงเห็นหวังเหยียนชิงมองไปด้านข้างจึงแนะนำเสียงค่อย “นี่ก็คือสำนักขันทีซือหลี่”

หวังเหยียนชิงพลันกระจ่างแจ้ง ที่แท้ก็สำนักขันทีซือหลี่อันโด่งดังนี่เอง นับตั้งแต่สมัยของฮ่องเต้หย่งเล่อ วังหลวงและราชสำนักก็เริ่มให้ความสำคัญกับขันที จุดประสงค์แรกเริ่มของฮ่องเต้ในการก่อตั้งสำนักบูรพาและสำนักประจิมคือการควบคุมองครักษ์เสื้อแพร พวกเขาแม้จะถูกเรียกรวมว่า ‘ฉ่างเว่ย’* ทว่าสำนักบูรพา สำนักประจิม และหน่วยองครักษ์เสื้อแพรไม่ถูกกันตั้งแต่ไหนแต่ไร ทว่าบัดนี้ดูแล้วอย่างน้อยต่อหน้าลู่เหิง สำนักบูรพาและสำนักประจิมยังคงนอบน้อมมาก

จุดนี้หวังเหยียนชิงเลื่อมใสลู่เหิงเป็นพิเศษ ตั้งแต่เข้าเป็นองครักษ์เสื้อแพรลู่เหิงไม่เคยมีภารกิจใดที่ทำไม่สำเร็จ ผลงานเช่นนี้เพียงพอให้เขายิ้มเย้ยทั่วหล้าได้แล้ว แต่ความสามารถที่แท้จริงของเขากลับเป็นการทำให้ผู้คนรอบด้านให้ความร่วมมือในการปฏิบัติหน้าที่ของเขา ทั้งยังไม่ทิ้งคำครหาเอาไว้

การเข้าใจสิ่งต่างๆ อย่างกระจ่างชัดนั้นไม่ยาก แต่การเข้าใจคนอย่างถ่องแท้กลับเป็นเรื่องยากที่สุดในใต้หล้า

เดินไปตามทางนานทีเดียว ในที่สุดก็มาถึงวังฉือหนิง หวังเหยียนชิงเคยไปวังฉือชิ่งแล้ว วังฉือชิ่งอยู่ใกล้กับราชสำนักฝ่ายนอก กฎเกณฑ์ ระเบียบ และรายละเอียดในด้านอื่นๆ ล้วนเหมือนที่พำนักของรัชทายาทมากกว่า มิใช่ตำหนักบรรทม แต่วังฉือหนิงกลับตรงกันข้าม ที่นี่เป็นที่อยู่อาศัยของพระพันปีมาทุกยุคทุกสมัย หลังขึ้นครองราชย์ฮ่องเต้ยังบูรณะซ่อมแซมที่นี่ใหม่จนสง่างามและสูงศักดิ์ยิ่ง

พอลู่เหิงเข้าประตูมาก็มีคนเข้าไปรายงานด้านใน นางกำนัลเลิกม่านประตูให้เขาอย่างนอบน้อม หวังเหยียนชิงเดินตามหลังลู่เหิง ผ่านประตูเข้าไปแล้ว สถานการณ์ข้างในก็ทำเอานางตะลึงตาค้าง

วันนี้ฮ่องเต้ก็อยู่ด้วย จางฮองเฮาพาสนมชายามาปรนนิบัติที่วังฉือหนิง สนมที่อ่อนเยาว์งดงามกลุ่มหนึ่งรับใช้อยู่หน้าตั่ง ข้างหลังพวกนางยังมีนางกำนัลขันทีที่คอยรับใช้พวกนางอีกทีหนึ่ง ในตำหนักเต็มไปด้วยสตรีงดงามละลานตา รูปร่างทรวดทรงแตกต่างกันไป ยามยืนอยู่ด้วยกันช่างดูตระการตายิ่งนัก

เดิมทีหวังเหยียนชิงคิดว่านางมาถวายบังคมเจี่ยงไทเฮาเพียงลำพังเท่านั้น ไหนเลยจะคาดคิดว่าสถานการณ์เป็นเช่นนี้ นางกวาดตามองเพียงรอบเดียว ยังแยกไม่ออกว่าใครเป็นใครก็ได้แต่ยอบกายคำนับไปยังคนกลุ่มนั้นทั้งหมด “หม่อมฉันถวายบังคมฝ่าบาท ซิงกั๋วไทเฮา ฮองเฮา และสนมทุกท่านเพคะ”

ฮ่องเต้ประทับอยู่หน้าตั่งของเจี่ยงไทเฮา จางฮองเฮาซึ่งเป็นฮองเฮาพระองค์ที่สองนั่งอยู่ข้างฮ่องเต้ ด้านหลังมีคนงามลักษณะคล้ายนางข้าหลวงยืนอยู่หลายคน เจี่ยงไทเฮาเอนกายพิงตั่ง สีหน้าเหนื่อยหน่าย ดวงหน้าเป็นสีเหลืองซีด ครั้นได้ยินว่าลู่เหิงมาแล้ว ดวงเนตรก็เปล่งประกาย รีบเอ่ย “ไม่ต้องมากพิธี”

บอกว่ามาปรนนิบัติคนป่วย แต่ในความเป็นจริงสนมชายาเหล่านี้เพียงแค่มายืนอยู่ตรงนั้น พวกนางเคยพบเจี่ยงไทเฮาแค่ไม่กี่ครั้ง เจี่ยงไทเฮาก็ใช่ว่าจะรู้จักพวกนาง สำหรับเจี่ยงไทเฮาแล้ว สตรีที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกสะใภ้เหล่านี้ยังสนิทสนมกับนางมิเท่าลู่เหิง พอเจี่ยงไทเฮาเอ่ยปาก เหล่าชายาก็หลีกทางอย่างรู้กาลเทศะ เปิดทางตรงกลางให้

ลู่เหิงเห็นสถานการณ์เช่นนี้จนคุ้นชินแล้ว เขาเดินฝ่ากลุ่มคนไปอย่างเป็นธรรมชาติจนถึงเบื้องพระพักตร์เจี่ยงไทเฮา หวังเหยียนชิงรีบก้มศีรษะเดินตามไป

หน้าที่แล้ว1 of 7

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 1

บทที่ 1 สายฝน+ไหวพริบ ต้นฤดูใบไม้ผลิเมืองเซิ่งจิงมีฝนตกชุก ราวกับผ้าไหมผืนบางที่ปกคลุมผืนฟ้า ทำให้ลานที่รกร้างเงียบเหงาข...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 2

บทที่ 2 ความสงสัย+คลื่นใต้น้ำ เจ้าเมืองหลี่ตามซูโม่อี้ออกไปแล้ว หลินหวั่นชิงเห็นเงาของเขาวิ่งอยู่ไกลๆ รู้สึกว่าชุดทางการ...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 6

บทที่ 6 คณิกา+เมาสุรา หอคณิกาตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองเซิ่งจิง เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ‘เป่ยหลี่’ ที่นี่ห่างจากที่ตั้งของ...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 3

บทที่ 3 ความผิดพลาด+ใต้แสงจันทร์ แม้สิ่งที่ไทเฮากล่าวจะเป็นประโยคคำถาม แต่ซูโม่อี้ก็รู้ว่านางไม่ได้มีความตั้งใจจะถามเขาเ...

community.jamsai.com