ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน วาสนาคนเขลา บทที่ห้า-บทที่หก
คนโกรธที่น่ากลัวที่สุดคือพูดไม่เลือกคำ กระทบกระทั่งไปมา ทำลายความรู้สึก ในตอนที่หลี่รั่วฮุ่ยตั้งครรภ์ หลิวจ้งได้ตามเพื่อนร่วมงานไปดื่มสุราที่หอคณิกา และได้ส่งสายตาไปมากับนางโลมผู้หนึ่ง นางโลมผู้นั้นพูดคำอ่อนหวานเข้าอกเข้าใจผู้คนมาจนชิน นานวันเข้าก็ทำให้หลิวจ้งหลงใหลจนโงหัวไม่ขึ้น รวบรวมเงินกับเพื่อนร่วมงานไถ่ตัวนางโลมผู้นั้นออกมา และเลี้ยงดูไว้นอกคฤหาสน์
แต่หลี่รั่วฮุ่ยกลับไม่รู้เรื่องราว จนกระทั่งหนึ่งปีก่อน นางไปที่ตลาดเห็นสามีพาหญิงท้องโตผู้นั้นไปซื้อผ้าฝ้าย รองเท้าและหมวกที่เด็กใช้ในร้านขายของ จึงได้รู้ว่าสามีตนเองลอบเลี้ยงหญิงงามเอาไว้
เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ร้องไห้โวยวายไปก็ไร้ประโยชน์ จึงทำตามคำที่เพื่อนร่วมงานของหลิวจ้งมาช่วยพูดเจรจา… นายกองหลิวทำเช่นนี้นับว่ามีคุณธรรมมากแล้ว รู้ว่านางใจร้อนขี้หึง รับอนุไม่ได้เอาเข้าคฤหาสน์นับว่าไว้หน้าภรรยาเอกอย่างนางมากแล้ว
แม้แต่ท่านแม่ของนางยังตำหนินางว่ามีใจอิจฉามากเกินไป ทำให้สามีรับอนุแล้วก็ยังไม่กล้าพาเข้าบ้าน
เป็นน้องรองของนางที่พูดเสียงแข็ง หลังจากได้ฟังนางเล่าทั้งน้ำตาแล้ว ถามเพียงว่านางยังอยากจะอยู่กับหลิวจ้งต่อไปหรือไม่ หากไม่ยินดี พรุ่งนี้ก็เขียนหนังสือขอหย่าให้เขา เขาจะได้ไม่ต้องเสียอิสระในการรับอนุ และต้องไปรับหญิงชั้นต่ำน่ารังเกียจมาเลี้ยงไว้นอกบ้าน
ทว่าจิตใจของหญิงสาวกับคนเป็นแม่จะเหมือนกันได้อย่างไร สุดท้ายคนที่ไม่ยอมคนอย่างนางก็เห็นแก่ลูกน้อยจึงยอมอดทน กลืนความโกรธนี้ลงท้อง เพียงแค่พูดตามตรงกับสามีว่าไม่อนุญาตให้พาหญิงชั้นต่ำผู้นั้นกลับบ้าน
ซือหม่าต้าฉู่ผู้นี้ดูแล้วเป็นคนเย็นชาพูดน้อย แต่หากยั่วให้เขาโมโหก็เป็นคนที่ปากคอเราะราย แต่ละคำบาดเฉือนคนจนเลือดหยด เรื่องที่แม้แต่สามีของนางยังทำไม่ได้ นางจะมีสิทธิ์อะไรไปเรียกร้องแทนน้องสาวเล่า
แม้ยามนี้จะเห็นหลี่รั่วฮุ่ยมีสีหน้าเปลี่ยนไป แต่ฉู่จิ้งเฟิงก็ยังคงพูดด้วยสีหน้าเย็นชาดังเดิม “ถ้าฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ไม่รังเกียจ รับจิ้งเฟิงเป็นเขย ต่อไปก็เป็นคนในครอบครัวเดียวกับคุณหนูใหญ่ พูดอะไรไม่ต้องกล้าๆ เกรงๆ แต่รั่วอวี๋ตอนนี้นิสัยเหมือนเด็ก กลัวที่สุดคือถูกคนสอนให้เสียคน ถ้าคุณหนูใหญ่บอกว่าการแต่งงานไม่ดี นางย่อมกลัวมาก ขอคุณหนูใหญ่ช่วยเสียสละเวลาชี้นำทางรั่วอวี๋อย่างถูกต้องด้วย”
หลี่รั่วฮุ่ยในตอนนี้สงบสติลงได้แล้ว รู้ว่าเมื่อครู่นางทำให้ซือหม่าผู้นี้โกรธ ฟังจากคำพูดของท่านแม่ก่อนหน้านี้ว่า ซือหม่าผู้นี้แม้จะมีฐานะสูงส่ง แต่กลับไม่วางอำนาจ ใกล้ชิดได้ง่ายมาก
ทว่าตอนนี้ดูไปแล้ว เหมือนที่ท่านแม่พูดเสียที่ไหนกัน แปดส่วนคือก่อนหน้านี้แสร้งทำเป็นโอนอ่อนนอบน้อม พี่น้องสองคนนี้ คนหนึ่งเล่นเป็นตัวร้าย อีกคนเล่นเป็นตัวดี กล่อมจนท่านแม่ยอมรับปากเรื่องการแต่งงาน แล้วรั้งตัวหลี่รั่วอวี๋ไว้ในเขตพื้นที่ของเขา ตอนนี้ทุกอย่างเกือบเสร็จสิ้นก็เริ่มคืนร่างเดิมแล้วกระมัง
คนเย่อหยิ่งเช่นนี้ และยังมีฐานะสูงมีอำนาจมาก จะยอมให้ผู้ใดล่วงเกินได้อย่างไร
แต่ต่อให้ในใจนางมีความไม่พอใจมากเพียงใด ภายหน้าน้องสาวก็ต้องใช้ชีวิตอยู่ในจวนของเขา เมื่อครู่ท่าทีของนางขาดการใคร่ครวญไปจริงๆ ปากของนางมักจะล่วงเกินผู้อื่นโดยขาดเหตุผลเสมอ คิดถึงตรงนี้หลี่รั่วฮุ่ยก็สูดหายใจลึก ก้มหน้าย่อคำนับแล้วพูดว่า “เพราะเป็นห่วงน้องสาว ท่าทีเมื่อครู่จึงล่วงเกินไป ขอซือหม่าอภัยด้วย”
ฉู่จิ้งเฟิงเห็นหลี่รั่วฮุ่ยเปลี่ยนท่าทีจึงมีน้ำเสียงอ่อนลง “ล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน คุณหนูใหญ่เกรงใจไปแล้ว ได้ยินว่านายกองหลิวถูกย้ายไปชายแดนทางเหนือ ข้าสั่งให้คนดูแลเขาให้ดี ให้เขาเฝ้าประจำที่เมืองโม่เหอ ต้องรบกวนคุณหนูใหญ่เดินทางตามไปทางเหนือเช่นกัน ข้าได้สั่งให้คนเตรียมคฤหาสน์ไว้แล้ว ถึงตอนนั้นถ้าคิดถึงรั่วอวี๋ ก็มาพักที่จวนซือหม่าได้ทุกเมื่อ”
ฟังดูสิ ตบหน้าแล้วยื่นพุทราให้เช่นนี้ทำได้อย่างสมเหตุสมผลมาก!
หลี่รั่วฮุ่ยฟังคำพูดนี้แล้วก็รู้สึกสบายใจบ้าง แต่ก็เกิดความคิดหนึ่งในใจ ลอบคิดว่าเหตุใดจึงบังเอิญเช่นนี้ ช่วงที่หลิวจ้งถูกย้ายไปชายแดนทางเหนือ คำนวณดูแล้วคำสั่งย้ายคือตอนที่หลี่รั่วอวี๋ยังไม่ล้มเลิกการแต่งงาน หากซือหม่าผู้นี้เป็นคนลงมือจริง แม้แต่เรื่องส่วนตัวภายในคฤหาสน์ของนาง เขาก็ดูเหมือนจะรู้อย่างละเอียด เช่นนั้นมิเท่ากับเขามีใจกับน้องสาวมานานแล้วหรือไร เช่นนั้นแปลว่าแม้เสิ่นหรูป๋อจะไม่สร้างเรื่องฉาวกับหลี่เสวียนเอ๋อร์ เกรงว่าน้องรองคงยากจะหลุดออกจากฝ่ามือของซือหม่าผู้นี้ไปได้กระมัง
มีบางเรื่อง ยิ่งคิดก็ยิ่งน่ากลัว… หลี่รั่วฮุ่ยเหลือบตาขึ้นมองไปทางซือหม่าสีหน้าไร้ความรู้สึกผู้นี้อีกครั้ง ทำให้นางที่มีความกล้ามาโดยตลอดเกิดความรู้สึกหวาดกลัวในใจขึ้นมาบ้าง
หลังจากขอบคุณฉู่จิ้งเฟิงแล้ว หลี่รั่วฮุ่ยทำได้เพียงรวบรวมสมาธิไปดูแลเรื่องใบสินสอดที่ได้รับมา
ฉู่จิ้งเฟิงผู้นี้เรื่องเงินทองไม่ตระหนี่แม้แต่น้อย ไม่เพียงจ่ายค่าสินค้าให้กับร้านค้าของสกุลหลี่ แต่ให้การดูแลไปถึงเรื่องใต้เท้าหลิวกรมโยธา ผ่อนกำหนดการใช้เงินก้อนนั้น สกุลหลี่ในตอนนี้เพียงแค่หมุนเงินสดไม่ทัน รอผ่านช่วงวิกฤตนี้ไปแล้ว ย่อมมีเงินมาชดเชยเงินกรมโยธาในส่วนที่ขาดไปได้ นางในฐานะคนสกุลหลี่ย่อมรู้จักสำนึกบุญคุณ แม้ฉู่จิ้งเฟิงจะอาศัยสิ่งนี้มาบังคับแต่งงานกับน้องสาว แต่อย่างไรเสียก็ได้ช่วยแก้ไขปัญหาให้สกุลหลี่ ดังนั้นหน้าตาน้องเขยสูงศักดิ์ผู้นี้จะทำลายไม่ได้
เห็นหลี่รั่วฮุ่ยไปที่ลานด้านหน้าแล้ว ฉู่จิ้งเฟิงจึงลุกขึ้นเดินไปที่สวนดอกไม้ด้านหลัง