ฉู่จิ้งเฟิงไม่ได้รีบกลับไปดูหลี่รั่วอวี๋ แม้ตัวจะอยู่ที่เจียงหนาน แต่ก็ไม่ได้เป็นอิสระเสียทีเดียว หลายวันนี้เพื่อจัดงานแต่งงานทำให้มีงานราชการสะสม และสหายเก่าที่เดินทางมาอวยพรก็มีมากมายจึงต้องต้อนรับอย่างดี
และเพราะการต้อนรับเหล่านี้ ทำให้ตอนที่กลับห้องก็เป็นเวลาดึกดื่นแล้ว
แววตาที่เสิ่นหรูป๋อมองหลี่รั่วอวี๋เมื่อเช้า เขาไม่รู้สึกแปลกตาเลย เป็นดวงตาของชายหนุ่มผู้หนึ่งที่กำลังมองสำรวจหญิงสาว สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจ เขารู้ว่าเสิ่นหรูป๋อยังไม่ตัดใจจากหลี่รั่วอวี๋ แต่คนแซ่เสิ่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ตอนนี้หลี่รั่วอวี๋เป็นภรรยาของเขาแล้ว เป็นสิ่งที่ไม่ว่าผู้ใดก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้
คิดถึงตรงนี้แล้ว หัวใจของฉู่จิ้งเฟิงกลับรู้สึกว่างเปล่าอย่างประหลาด
ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ แม้จะเป็นเพียงการพูดส่งเดชของหลี่รั่วอวี๋คนโง่ตัวน้อย แต่หัวใจเขากลับตึงเครียดตามไปด้วย
หรือว่านางจะกลับเป็นปกติแล้ว!
หากเป็นหลี่รั่วอวี๋ที่มีสติดี และพบว่าตนเองเป็นภรรยาของเขาแล้ว นางจะเป็นอย่างไร
นอกหน้าต่างในตอนนี้มีเสียงฝนพรำ เม็ดฝนตกใส่ม่านหน้าต่างจนเปียก เขาเคยส่งนางที่กลับจากอู่เรือดึกดื่นไปยังโรงเตี๊ยมในคืนฝนตกเช่นนี้ด้วยตนเอง
ฝนทางเหนือจะตกแรงกว่าทางเจียงหนานมาก เพราะโรงเตี๊ยมอยู่ไม่ไกล เขาจึงไม่ได้ขี่ม้า นางก็ไม่ได้นั่งรถม้า ต่างคนต่างกางร่ม เดินตามกันไปทิ้งระยะไม่ห่างกัน ในคืนฝนพรำ นางไม่ได้หันหน้ามามองเขาเลย ทั้งยังเดินไปอย่างรวดเร็ว เห็นเพียงไหล่ที่ถูกฝนเปียกชื้นกับต้นคอที่กระทบแสงจันทร์ และรองเท้าไม้ที่เหยียบน้ำในหลุมจนน้ำกระเซ็น
ตอนไปถึงโรงเตี๊ยม เขาอดไม่ไหวอยากจะยื่นมือไปปาดหยดน้ำบนแก้มนาง แต่นางกลับสะบัดตัวหลบเลี่ยงไปอย่างงดงาม มือของเขาที่ยื่นออกไปลอยคว้างกลางอากาศอย่างน่าสงสาร…
ใช่แล้ว นางหลบเลี่ยงเขามาตลอด
หลี่รั่วอวี๋ที่มีสติดี ไม่เคยมองเขาเต็มตาสักครั้ง
ฉู่จิ้งเฟิงเป็นคนเย่อหยิ่งมาแต่ไหนแต่ไร มีชาติกำเนิดในตระกูลใหญ่ ตั้งแต่เด็กจนโตมีหญิงสาวมาถวายตัวในอ้อมกอดน้อยเสียเมื่อใด
แต่เขากลับหมายตาบุตรสาวพ่อค้าผู้ต่ำต้อยผู้นี้ ถึงขั้นต้องผ่านการต่อสู้ สุดท้ายก็ตัดสินใจไม่ถือสากับการปรากฏตัวของนางต่อหน้าทุกคนอีก แต่หลังจากที่วางศักดิ์ศรีลงแล้ว เขากลับพ่ายแพ้ให้กับหญิงสาวเจียงหนานผู้อ่อนแอผู้นี้อย่างราบคาบ…
นึกถึงเรื่องในอดีตแล้ว ฉู่จิ้งเฟิงก็ยากจะสงบใจได้ รู้สึกไม่อยากกลับห้องไปพบหญิงผู้นั้นเลย
รอจนกลองบอกเวลาถูกตีขึ้นอีกครั้ง ประมาณในใจว่านางคงจะนอนหลับแล้ว เขาจึงเดินไปที่ห้อง
นอกห้องยังมีฝนตกอยู่ แต่เพราะฝนตกไม่หนักจึงไม่ต้องกางร่ม ทว่าพอฉู่จิ้งเฟิงเดินไปถึงห้องหอกลับพบว่าหลี่รั่วอวี๋ไม่ได้อยู่ในห้อง บนเตียงมีเพียงผ้าห่มกระจัดกระจายอยู่ เขาตกใจ เบิกตาโต แล้วเรียกหล่งเซียงกับบ่าวหญิงอาวุโสที่อยู่นอกห้องเข้ามา พวกนางเองก็ตกใจเช่นกัน
หล่งเซียงมองดูหน้าต่างที่เปิดออกแล้วพูดเสียงเบาว่า “เรียนซือหม่า ไม่แน่ว่า…คุณหนูอาจจะนึกสนุก ปีนหน้าต่างออกไปแล้ว…”
ฉู่จิ้งเฟิงรีบเดินไปด้านหลังห้อง จริงดังว่า! เห็นเพียงร่างโดดเดี่ยวนั่งอยู่ตรงมุมภูเขาจำลองในสวนดอกไม้
นางสวมเสื้อบางเพียงตัวเดียว คงเพื่อหลบฝน จึงเด็ดใบกล้วยใบใหญ่มาบังบนหัว ร่างเล็กขดเป็นก้อน จากนั้นเงยหน้าขึ้น เหม่อมองท้องฟ้า
“รั่วอวี๋! เจ้าทำอะไรอยู่”