อันที่จริงเกาอ๋องอายุเกินครึ่งร้อยแล้ว แต่เนื่องจากเป็นแม่ทัพมาก่อน จนบัดนี้ก็ยังขี่ม้ายิงเกาทัณฑ์ไม่ว่างเว้น ร่างกายจึงยังแข็งแรงกำยำไม่เปลี่ยน หากมองแต่รูปร่างโดยไม่สังเกตริ้วรอยตรงหางตาจะต้องคิดว่าอยู่ในวัยฉกรรจ์อย่างไม่ต้องสงสัย ฐานะเล่าก็สูงส่ง เพราะเป็นโอรสขององค์เกาจู่ อนุชาของฮ่องเต้เซิ่งอู่ สมัยยังหนุ่มเคยติดตามพี่ชายออกศึกหลายครั้ง นับเป็นแม่ทัพผู้ห้าวหาญเลื่องลือของต้าเว่ย สร้างความดีความชอบในสงครามมานักต่อนัก เมื่อประกอบคุณสมบัติสองประการนี้เข้าด้วยกัน ไม่เพียงแต่ฮ่องเต้น้อยองค์ปัจจุบันจะเคารพยกย่องเขาเป็นพระอัยกา แม้แต่ฉีอ๋องผู้สำเร็จราชการยังต้องนอบน้อมต่อเสด็จอาผู้นี้ ไม่กล้าเสียมารยาทด้วยแม้เพียงน้อย
วันนี้พระธรรมาจารย์แสดงธรรมเรื่องหมิงอ๋องที่วาดเป็นภาพถวายไทเฮาเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ความว่า…หมิงอ๋องคือพระโพธิสัตว์จำแลงกายมาโปรดปุถุชนผู้โง่เขลา โดยอยู่ในรูปลักษณ์เกรี้ยวกราดดุดันเพื่อเรียกสติกระตุ้นสำนึกปุถุชนผู้มัวเมาในกิเลสตัณหา แล้วใช้แสงสว่างแห่งปัญญาขจัดอกุศลธรรมในใจคนหลงผิดเหล่านั้น จึงได้ชื่อว่า ‘หมิงอ๋อง’
พระธรรมาจารย์มีชั้นเชิงการเทศนาอันแพรวพราว แต่พระอัยกาไหนเลยจะมีแก่ใจฟังธรรม นั่งได้สักพักหางตาก็เหลือบไปมองฉีอ๋องผู้สำเร็จราชการซู่เซิ่นฮุย หลานชายหนุ่มแน่นของตนเองที่นั่งอยู่ข้างๆ
มารดาของฉีอ๋องมาจากแคว้นอู๋เยวี่ย ท่านตาเป็นอ๋องผู้ครองแคว้น เคยสวมเกราะออกรบทั่วทุกสารทิศในยุคที่แผ่นดินยังอลหม่านวุ่นวาย ทว่าจนแล้วจนรอดก็มิได้ตั้งตนเป็นฮ่องเต้ ได้แต่ครองแคว้นในฐานะอ๋องอยู่อย่างนั้น เมื่อฮ่องเต้เซิ่งอู่กรีธาทัพพิชิตดินแดนทางใต้ ชักนำผู้คนให้สวามิภักดิ์ต่อต้าเว่ย เวลานั้นฮองเฮาคนแรกสิ้นบุญไปแล้ว เดิมทีธิดาอ๋องนางนี้ได้รับแต่งตั้งเป็นพระชายาปกครองฝ่ายใน หลังให้กำเนิดอันเล่ออ๋อง ฮ่องเต้เซิ่งอู่หมายจะแต่งตั้งนางเป็นฮองเฮา ทว่านางปฏิเสธ หลังจากนั้นฮ่องเต้เซิ่งอู่ก็ไม่เคยแต่งตั้งสตรีนางใดเป็นฮองเฮาอีกเลย ยังคงให้นางปกครองหกตำหนักสืบมา ครั้นพอฮ่องเต้เซิ่งอู่เสด็จสวรรคตนางก็เดินทางกลับบ้านเกิดโดยให้เหตุผลว่า ‘อยากศึกษาพระธรรม’ แล้วปลีกวิเวกใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบนับแต่นั้น ไม่ออกสู่โลกภายนอกอีก
สมัยยังเยาว์วัยธิดาอ๋องนางนี้งามตระการดุจซีซือ และฉีอ๋องก็ได้รับรูปโฉมมาจากมารดา วันนี้เจ้าตัวอยู่ในชุดพิธีการสีดำ สวมหมวกทรงสูงประดับปิ่นหยกร้อยเชือกผูกคางสีแดง คาดสายคาดเอวเส้นกว้าง อิริยาบทผ่อนคลาย เอนหลังน้อยๆ พิงพนักโอ่อ่าของเก้าอี้ สายตาทอดมองตรงไปจับจ้องพระธรรมาจารย์ที่นั่งอยู่กลางหอ สีหน้าจดจ่อตั้งใจคล้ายกำลังดื่มด่ำในรสพระธรรม มิได้ระแคะระคายถึงสายตาที่จ้องมองมาจากด้านข้างแม้แต่น้อย
เกาอ๋องไม่กล้ามองนานเพราะกลัวจะถูกจับได้ ระหว่างที่ดึงสายตากลับมา หางตาก็เผลอไปหยุดอยู่ที่สายคาดเอวบนเอวอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว
ระเบียบการแต่งกายของราชวงศ์กำหนดไว้ ฮ่องเต้คาดสายคาดเอวหยกทองเก้าห่วง ชินอ๋องแปดห่วง ที่เหลือให้ลดหลั่นลงไปตามระดับขั้น แบ่งแยกชัดเจน จะก้าวล่วงกันไม่ได้
ด้วยฐานะของเกาอ๋องในเวลานี้ยังได้คาดสายคาดเอวหยกทองเพียงแปดห่วง แต่เจ้าหนุ่มรุ่นหลานอายุแค่ยี่สิบกว่าที่นั่งข้างๆ กลับมีสิทธิ์คาดสายคาดเอวจำนวนห่วงเท่าผู้ปกครองแผ่นดิน เพราะดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการ ซ้ำก่อนตายฮ่องเต้หมิงตี้ยังปลดสายคาดเอวของตนมอบให้เองกับมือ ทว่าฉีอ๋องไม่เคยนำมาใช้ ยังคงคาดสายคาดเอวแปดห่วงเยี่ยงชินอ๋องเหมือนที่ผ่านมา
แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น สายคาดเอวหยกเลี่ยมทองแปดห่วงเสมอกันที่อยู่บนเอวหลานชายกลับทิ่มแทงสายตาผู้เป็นอามากกว่าเดิม
ในอกงุ่นง่านปั่นป่วน หัวใจเต้นรัวแรง ทว่าถึงอย่างไรเกาอ๋องก็เคยกรำศึกมาอย่างโชกโชน อุปสรรคใหญ่กว่านี้ก็เคยผ่านมาหมดแล้ว ไม่นานจึงตั้งสติสะกดอารมณ์เอาไว้ได้ แล้วปรายตามองแสงแดดนอกหอโดยไม่ตั้งใจ
ทันใดนั้นก็เห็นข้ารับใช้ของหลานชายที่คลับคล้ายคลับคลาว่าชื่อจางเป่าโผล่มาตรงหน้าประตูหอใหญ่ ค้อมหลังยอบตัวเดินย่องเลียบผนังเข้ามาหาเจ้านายอย่างว่องไว จากนั้นก็ชะโงกตัวเข้าไปกระซิบอะไรบางอย่างตรงข้างหู
อ๋องผู้สำเร็จราชการยังมีสีหน้าเรียบเฉยเมื่อฟังจบ แต่ก็ลุกขึ้นยืนทันที แล้วเดินออกไปเงียบๆ จนลับตัวไปที่หลังบานประตู
เกาอ๋องยังโสตประสาทดีไม่ด้อยไปกว่าวันวาน เห็นเมื่อครู่ที่เขามีสีหน้าท่าทางเป็นปกติ ความจริงแล้วกลับตั้งสมาธิเงี่ยหูฟังสุดความสามารถ แต่จนใจที่จางเป่าพูดเบาเหลือเกิน จึงไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น พอฉีอ๋องลุกออกไป เหล่าขุนนางโดยรอบต่างก็สังเกตเห็น พากันมองตามทิศทางที่อ๋องผู้สำเร็จราชการลับหายไปเมื่อครู่
เกาอ๋องกระสับกระส่ายในใจ รออยู่สักพักฉีอ๋องก็ยังไม่กลับมา เขาทนจนสุดทนแล้ว จึงลุกออกไปบ้างโดยอ้างว่า ‘อยากเปลี่ยนชุด’
เขาก้าวข้ามธรณีประตู พาข้ารับใช้คู่ใจสองคนที่รออยู่ข้างนอกค่อยๆ เดินเลียบไปตามเฉลียงแล้วเลี้ยวขวา จากนั้นค่อยๆ เดินลึกเข้าไปจวบจนเดินมาสุดทาง
สุดเฉลียงคือตำหนักข้างหลังหนึ่ง บานประตูแง้มอ้า ภายในมืดสลัว เห็นพระพุทธรูปทองได้เพียงวอมแวมท่ามกลางควันธูปคดเคี้ยวอ้อยอิ่ง แต่นอกจากนั้นคือความว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่เงาคน