อูอีเสวี่ยร้องไห้ก็ร้องเหนื่อยแล้ว เดินก็เดินไม่ไหวแล้ว เอาศีรษะซบบ่าเขาแล้วหลับไป อะไรก็ไม่อยากสนใจแล้ว
สิงฟู่อวี่เห็นนางหลับไปจึงใช้วิชาตัวเบา ระยะทางที่แต่เดิมต้องใช้เวลาเดินสองชั่วยาม เขาใช้เวลาเพียงเค่อเดียวก็กลับมาถึงหมู่บ้าน จากนั้นเขาก็ให้คนจัดเตรียมข้าวปลาอาหารและน้ำอาบ ปรนนิบัตินางหนูเสวี่ยกินอาหาร อาบน้ำล้างหน้าล้างตา
เมื่อสิงฟู่อวี่เดินเข้ามาในห้อง องครักษ์หญิงก็ถอยไปอยู่ด้านข้าง เขาก็ก้าวช้าๆ ไปที่ข้างเตียง เลิกม่านมุ้งขึ้น มองร่างเล็กๆ ที่นอนตะแคงหันหลังให้เขา
ห้องที่นางหนูเสวี่ยนอนอยู่เป็นห้องนอนของเขา วันนี้นางอารมณ์ไม่ปกติ เขาไม่วางใจให้นางนอนตามลำพัง จึงอุ้มนางกลับมาที่เตียงของตน ให้คนคอยดูนางไว้
ผู้สอดแนมที่ส่งตัวออกไป วันนี้กลับมาแล้ว เพื่อไม่ให้ส่งเสียงรบกวนนาง เขาจึงย้ายสถานที่ปรึกษาหารือไปยังเรือนอีกหลังหนึ่ง ตอนออกไปเขาได้สั่งกำชับองครักษ์หญิงให้ดูแลนางให้ดี จากนั้นก็ไปปรึกษางานกับลูกน้อง
หลังจากเขาออกไปแล้วอูอีเสวี่ยก็ลืมตาขึ้น ความจริงแล้วนางแสร้งหลับ ด้วยกลัวสิงฟู่อวี่จะมองออกดังนั้นจึงจงใจนอนหันหลังออกข้างนอก
นางลุกขึ้นมานั่ง องครักษ์หญิงเห็นนางตื่นแล้วก็รีบเข้ามาถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอ่อนโยน
“แม่หนูเสวี่ย เหตุใดจึงตื่นแล้ว”
“ข้าหิวน้ำ” นางหน้าตางัวเงีย
“ข้าจะไปรินน้ำให้เจ้าเดี๋ยวนี้”
องครักษ์หญิงและทุกคนต่างรู้ว่าใต้เท้าสิงรักและเอ็นดูแม่หนูผู้นี้มาก ด้วยเหตุนี้จึงไม่กล้าเมินเฉยต่อนาง องครักษ์หญิงไปรินน้ำที่โต๊ะมาถ้วยหนึ่ง เพราะกลัวนางจะทำน้ำกระฉอกหกจึงถือถ้วยจะช่วยป้อนให้นาง
อูอีเสวี่ยก็ไม่ปฏิเสธ ให้องครักษ์หญิงป้อนน้ำให้นางดื่ม หลังดื่มเสร็จนางหยิบลูกกวาดออกมากิน และให้องครักษ์หญิงเม็ดหนึ่ง
“พี่สาว กินลูกกวาด” นางยิ้มอ่อนหวาน ตอนหยิบลูกกวาดส่งให้องครักษ์หญิง ใบหน้ายังเต็มไปด้วยการเฝ้ารอคอย
องครักษ์หญิงคิดในใจว่าก็แค่ลูกกวาดเม็ดหนึ่ง ถ้าปฏิเสธไยมิใช่ทำให้แม่หนูน้อยเสียใจ ครั้นแล้วนางจึงรับลูกกวาดมาและกินเข้าปากไป
“อร่อยหรือไม่”
“อร่อย ขอบใจแม่หนูเสวี่ย”
อูอีเสวี่ยยิ้มสดใส เห็นชัดว่าเป็นเพราะเจตนาดีได้รับการยอมรับจึงเบิกบานใจ
องครักษ์หญิงเห็นรอยยิ้มของนางก็ยิ้มตาม ผ่านไปครู่หนึ่งพลันรู้สึกภาพเบื้องหน้าดำมืด ก่อนจะล้มลงกับพื้นหมดสติไป
อูอีเสวี่ยเก็บรอยยิ้ม มีแต่ต้องทำให้องครักษ์หญิงหมดสติ ตนจึงจะจากไปได้ ดังนั้นนางจึงเอาลูกกวาดที่มียาสลบติดอยู่ให้องครักษ์หญิงกิน ไม่ผิดจากที่คิด องครักษ์หญิงไม่ระแวงนางและยอมกินลูกกวาดลงไปอย่างง่ายดาย
นางรู้สิงฟู่อวี่ลงโทษลูกน้องที่บกพร่องต่อหน้าที่หนักมาก ด้วยเหตุนี้ก่อนจากไปนางได้ใช้พู่กันและหมึกบนโต๊ะเขียนข้อความไว้สองแผ่น
แผ่นแรกเขียนให้อาหง บนกระดาษเขียนบอกนางจะไปจากที่นี่เพื่อตามหาคนในครอบครัว ให้อาหงไม่ต้องเป็นห่วง ยังบอกให้เขาตั้งใจฝึกยุทธ์ ไม่ต้องไปตามหานาง
แม้จะรู้สึกผิดต่ออาหง ทว่านางก็คิดดีแล้ว ยุทธภพน่าหวาดกลัวและอันตราย นางไม่ควรให้อาหงตามนางไปประสบอันตรายด้วยกัน ให้เขาอยู่ที่นี่ฝึกวรยุทธ์กับสิงฟู่อวี่ดีกว่าไปกับนางมากนัก
แผ่นที่สองทิ้งไว้ให้สิงฟู่อวี่ ในนั้นอธิบายว่าองครักษ์หญิงถูกนางหลอกถึงได้หมดสติไป เช่นนี้นางจึงจะจากไปได้สะดวก ยังบอกขอบคุณเขาที่รับตัวนางไว้ ครั้งหน้านางจะกลับมาเล่นกับองครักษ์หญิงอีก
เมื่อเป็นเช่นนี้ ต่อให้สิงฟู่อวี่พาลโกรธองครักษ์หญิงก็คงไม่ลงโทษหนักนัก
เวลานี้สิงฟู่อวี่กำลังยุ่งกับการปรึกษางาน เป็นจังหวะเหมาะที่สุดที่จะจากไป นางค่อยๆ ย่องออกจากห้อง หลบเลี่ยงคนอื่นๆ เดินออกจากหมู่บ้าน จากนั้นก็วิ่งเข้าไปในป่า หาต้นไม้ใหญ่ที่ทำเครื่องหมายเอาไว้และเอาห่อสัมภาระที่ฝังไว้ใต้ต้นไม้ออกมา
นางตัดสินใจจะไปเมืองชิงหูและไม่อาจถ่วงเวลาต่อไปอีกแล้ว วิธีการเดินเท้าเช่นยามปกติช้าเกินไป วิธีที่เร็วที่สุดก็คือนั่งเรือ ทั้งสามารถหลีกเลี่ยงการทิ้งรอยเท้าไว้ ดังนั้นนางจึงมาที่ริมแม่น้ำ กระโดดขึ้นเรือหาปลาของผู้อื่น จากนั้นก็ชักกระบี่อ่อนที่เอวออกมา ตัดเชือกผูกเรือขาด สุดท้ายก็ไม่ลืมทิ้งเงินไว้ถุงหนึ่ง เงินนี้เพียงพอให้เจ้าของเรือลำนี้นำไปซื้อเรือได้อีกยี่สิบลำ
นางใช้ไม้ถ่อดันเรือน้อยออกจากฝั่ง เรือออกสู่กลางแม่น้ำ เรือน้อยแล่นช้าๆ ไปตามสายน้ำ หลังจากจัดวางไม้ถ่อให้อยู่กับที่ดีแล้ว นางก็ลงนอนเอาห่อสัมภาระหนุนหัว แหงนมองดวงดาวบนท้องฟ้า
ด้านตะวันตกเป็นหุบเขา ด้านตะวันออกเป็นทะเลสาบ น้ำในแม่น้ำไหลไปทางตะวันออก ไม่ช้าก็เร็วนางก็ต้องไปถึงเมืองชิงหูที่อยู่ทางตะวันออก
นางหลับตาลง ฟังเสียงน้ำ เรือโคลงเคลงไปมาเบาๆ ประหนึ่งเปล กอปรกับวันนี้นางเหนื่อยมากแล้ว ไม่นานก็หลับใหลไป
โปรดติดตามตอนต่อไป…