“อย่างนั้นท่านก็นอนเถอะ! ตอนท่านแม่เล่านิทานให้ข้าฟัง ข้าก็ฟังเพลินจนหลับไปเหมือนกัน…ตอนพี่สามของข้ากับข้าไปต้าฉิน* ข้าอายุห้าขวบ ผู้คนที่นั่นส่วนใหญ่ล้วนมีผมสีทอง นัยน์ตาสีเขียวอมฟ้า สวยมาก แต่ข้าไม่ชอบพวกเขา พวกเขาขังสิงโตให้มันอดอาหารนานหลายวัน ก่อนจะปล่อยออกมาให้สู้กับคน มีคนเข้าไปนั่งดูอยู่เป็นจำนวนมาก ข้าไม่ชอบดู แต่พี่สามกลับชอบมาก พวกเขามอบลูกสิงโตให้ท่านพ่อข้าสองตัว สุดท้ายพี่สามก็เป็นคนเอาพวกมันไปเลี้ยง…ท่านต้องไม่เชื่อแน่ๆ แต่ข้าสาบานได้ว่ามีดินแดนแบบนั้นอยู่จริงๆ…”
อวิ๋นเกอยังคงคิดพูดต่อ จ้าวหลิงตัดบท “ฟ้าดินกว้างใหญ่ เรื่องแปลกประหลาดอันใดล้วนมีด้วยกันทั้งสิ้น แล้วมีเหตุผลอะไรที่ข้าจะไม่เชื่อ อดีตจักรพรรดิยามครองราชย์ อันซี** และเถียวจือ*** ต่างล้วนเคยส่งราชทูตมาเข้าเฝ้า ใน ‘พงศาวดาร บันทึกต้าฉิน’ ล้วนมีการบันทึกไว้ ในเมื่อลึกเข้าไปทางตะวันตกของดินแดนตะวันตกยังมีอาณาจักรอันซีที่เจริญรุ่งเรืองพอๆ กับราชวงศ์ฮั่นได้ นั่นก็แปลว่าทางทิศตะวันตกของอันซีก็น่าจะยังมีดินแดนแคว้นอื่นอยู่อีก ได้ยินว่าพ่อค้าชาวอันซี เพื่อครอบครองเส้นทางสายไหมไว้กับตัว กอบโกยผลประโยชน์จากการเป็นพ่อค้าคนกลาง พวกเขาจึงเลือกที่จะปกปิดเรื่องราวของอาณาจักรที่อยู่ลึกเข้าไปยังฝั่งตะวันตกไว้ ไม่ยอมให้พวกพ่อค้าต่างแดนรวมถึงพ่อค้าชาวฮั่นได้รับรู้”
ตอนอวิ๋นเกอเล่าเรื่องพวกนี้ให้คนอื่นฟัง ส่วนใหญ่คนพวกนั้นล้วนหัวเราะเยาะนาง หาว่านางพูดเหลวไหล ดังนั้นเมื่อพบว่ามีคนเชื่อเรื่องที่นางเล่าเป็นครั้งแรกเช่นนี้ อวิ๋นเกอจึงอดรู้สึกตื่นเต้นดีใจไม่ได้ “ท่านเชื่อเรื่องที่ข้าเล่า? ก็เหมือนอย่างที่ท่านคิด ต้าฉินอยู่ทางทิศตะวันตกของอันซี ท่านเคยไปอันซีหรือเปล่า จะว่าไปอันซีก็สนุกสนานไม่แพ้กัน”
จ้าวหลิงไม่ได้สนใจคำถามของอวิ๋นเกอ อวิ๋นเกอรออยู่ครู่หนึ่ง พอเห็นอีกฝ่ายไม่ตอบ นางก็ยิ้ม เริ่มเล่าเรื่องของตัวเองต่อ
แต่คราวนี้จ้าวหลิงกลับไม่ได้เอ่ยปากปราม เขาทำเพียงหลับตาลง ไม่รู้ว่ากำลังหลับหรือตื่น
ตั้งแต่เล็กจนโต ด้วยเพราะฐานะของเขาจึงไม่มีผู้ใดกล้าโต้เถียงกับเขาซึ่งหน้า เวลาพูดจากับเขา หากไม่ระแวดระวังยิ่งยวดก็นอบน้อมหวาดหวั่น หรือไม่ก็โอนอ่อนผ่อนตาม ทำตัวประจบสอพลอ
คนหน้าหนาเช่นนางเขาเพิ่งเคยพบเห็นเป็นครั้งแรก หนำซ้ำยังดื้อด้านเสียราวกับว่ามันสมควรจะเป็นเช่นนั้น ช่างไม่รู้จักดูสายตาชาวบ้านเสียบ้างเลย
จากเดิมที่คิดว่าจำต้องฝืนใจอดทนฟังเสียงของอีกฝ่าย แต่สุดท้ายเขากลับตั้งอกตั้งใจฟังเรื่องที่อวิ๋นเกอเล่าโดยไม่รู้ตัว
จากทุ่งหญ้าไซ่เป่ยไปจนถึงทะเลทรายโกบี จากยอดเขาจูมู่หลางหม่า* ไปจนถึงที่ราบสูงปามีร์ จากทักษะขี่ม้าชั้นสูงของชาวซยงหนูในดินแดนตะวันตกไปจนถึงงานฝีมือชั้นเลิศของชาวอันซีและต้าฉิน…
เรื่องที่อวิ๋นเกอเล่ามีโลกที่เขาไม่เคยพบพานซ่อนอยู่ เป็นโลกที่เขาพบได้ก็แต่ในหนังสือ ไม่มีทางสัมผัสหรือมองเห็น
สำหรับเขาแล้ว พวกมันแทบจะเป็นโลกที่มีอยู่แต่ในนิทานเท่านั้น
สุดท้ายเขาก็ยังคงรอฟังนิทานเรื่องต่อไปของอวิ๋นเกอ แต่นางกลับ “…ลูกหมาป่าตัวนั้นรู้จักขโมยของจริงๆ หนำซ้ำยังเป็นหัวขโมยโลภมากอีกต่างหาก มันเลือกขโมยเฉพาะอัญมณีที่ส่องประกายแวววาวพวกนั้น…ข้าโมโหมาก…ก็เลยตีก้นมัน…ตีก้นมัน…” น้ำเสียงของอวิ๋นเกอขาดๆ หายๆ ก่อนจะผล็อยหลับไปในที่สุด
* ต้าฉิน เป็นชื่อที่ชาวจีนสมัยโบราณใช้เรียกอาณาจักรโรมัน
** อันซี หมายถึงจักรวรรดิปาร์เธียน
*** เถียวจือ เป็นชื่ออาณาจักรโบราณในดินแดนตะวันตก จากบันทึก ‘พงศาวดารฮั่น·บันทึกดินแดนตะวันตก’ และ ‘พงศาวดารฮั่นยุคหลัง บันทึกดินแดนตะวันตก’ ระบุว่าตั้งอยู่ติดกับพรมแดนทางตะวันตกของจักรวรรดิปาร์เธียน และติดกับอ่าวเปอร์เซีย
* ยอดเขาจูมู่หลางหม่า ถอดเสียงมาจากมาภาษาจั้ง (ทิเบต) หมายถึงยอดเขาเอเวอเรสต์