บทที่สอง
กว่าฉีซู่จะได้พบไท่ซั่งหวงอีกครั้ง ก็เป็นเวลาเนิ่นนานให้หลัง
ถึงตอนนั้นไท่ซั่งหวงก็ไม่ตรัสถึงเรื่องที่อยากจะถามนางอีก… ผู้สูงศักดิ์เยี่ยงพระองค์ คงจะลืมคนเช่นฉีซู่ไปนานแล้ว ใช่ว่าหลี่เฉิงเพ่ยไม่รักษาคำพูด ไม่ยอมพาฉีซู่ไปพบไท่ซั่งหวง หากแต่เพราะหลี่เฉิงเพ่ยเองหลังจากวันนั้นก็มีเรื่องวุ่นวายต่างๆ นานา แทบไม่มีโอกาสได้ไปเข้าเฝ้าเสด็จปู่อีก
ตอนหลี่เฉิงเพ่ยพาฉีซู่ออกมาจากวังตะวันตกที่ไท่ซั่งหวงประทับอยู่ ผู้คนในวังหลวงทั้งผู้น้อยผู้ใหญ่ก็ตามหารัชทายาทแทบจะพลิกแผ่นดินแล้ว แม้แต่ฮ่องเต้ก็ทรงทราบเรื่องนี้ เรื่องราวไม่ได้เป็นไปตามที่หลี่เฉิงเพ่ยคาดการณ์ไว้ ฮ่องเต้ไม่พอพระทัยในพฤติกรรมต่างๆ ที่ไม่เหมาะสมของรัชทายาทมานาน ครั้งนี้จู่ๆ ก็หายตัวไปโดยไม่มีสาเหตุจึงทำให้ฮ่องเต้ยิ่งกริ้วหนัก ฮ่องเต้ทรงตำหนิหลี่เฉิงเพ่ยอย่างรุนแรง และลงโทษกักบริเวณห้ามเขาออกจากวังตะวันออกเป็นเวลาหนึ่งเดือน
รัชทายาทเพราะต้องการจะเอาม้วนอักษรมาให้นางจึงได้แอบหนีออกมา เขาต้องถูกลงโทษด้วยเรื่องนี้ ทำให้ฉีซู่รู้สึกผิดอย่างมาก แต่นางรู้ตนฐานะต่ำต้อย ไม่มีคุณสมบัติพอจะทูลขอความเมตตาจากฮ่องเต้ ได้แต่อธิษฐานต่อพระพุทธองค์ทุกวันตอนสวดมนต์ไหว้พระกับฮองเฮา หวังว่าฮ่องเต้จะทรงให้อภัยรัชทายาทในเร็ววัน ฮองเฮาเห็นฉีซู่สวดมนต์ไหว้พระด้วยความเคารพเลื่อมใสก็ยิ่งพอพระทัยในตัวนางมากขึ้น แม้ในตอนแรกฮ่องเต้จะทรงมีพระดำริจะรับเลี้ยงฉีซู่ แต่ฮองเฮากลับทรงรู้สึกว่าไม่สมควรทำอะไรลวกๆ เกินไป จึงให้นางเป็นนางกำนัลทั่วไประยะหนึ่งก่อน นับแต่ฉีซู่เข้าวังมา ฮองเฮาก็ทรงเฝ้าสังเกตดูนางมาโดยตลอด หนึ่งปีมานี้ฉีซู่เฉลียวฉลาดน่ารักน่าเอ็นดู ทำให้ฮองเฮาทรงถูกอกถูกใจอย่างยิ่ง และเป็นฝ่ายเอ่ยปากกับฮ่องเต้ จะเลือกวันดีรับฉีซู่เป็นบุตรีบุญธรรม ฮ่องเต้ทรงประสงค์เช่นนั้นอยู่แล้วจึงไม่มีเหตุผลที่จะไม่ทรงยินยอม
เรื่องรับบุตรีบุญธรรมฮ่องเต้และฮองเฮาต่างไม่ต้องการให้เป็นที่สนใจของผู้อื่น จึงไม่คิดจะจัดพิธีใหญ่โต เพียงให้ฉีซู่กราบฮองเฮา และจัดงานเลี้ยงเล็กๆ ขึ้นที่ตำหนักฮองเฮาในค่ำคืนนั้นก็เป็นอันเสร็จพิธี
ฮ่องเต้เสด็จมาร่วมงานเลี้ยงเป็นกรณีพิเศษ
ยามอยู่ต่อหน้าฉีซู่ ฮ่องเต้ยังทรงมีท่าทีเคร่งขรึมระมัดระวังอย่างเห็นได้ชัด ดีที่ฮองเฮาทรงทราบว่าฉีซู่ชอบเขียนพู่กันจีน จึงเจตนาสนทนาถึงเรื่องศิลปะการเขียนพู่กันจีน ไม่ผิดจากที่คาดหมาย พอเอ่ยถึงเรื่องเขียนพู่กันจีน ฮ่องเต้ก็ทรงมีเรื่องให้ตรัสมากขึ้น พระองค์ทรงวิพากษ์วิจารณ์นักเขียนพู่กันจีนที่มีชื่อเสียงอยู่ในเวลานี้ได้สั้นกระชับและตรงจุดสำคัญทุกคน ทำให้ฉีซู่ได้รับประโยชน์ไม่น้อย อีกทั้งนางก็เป็นคนที่เพียงอธิบายเล็กน้อยก็เข้าใจกระจ่างแจ้ง ไม่นานก็มีถามมีตอบกับฮ่องเต้ขึ้นมา
ฉีซู่เห็นฮ่องเต้เบิกบานพระทัย ในที่สุดก็รวบรวมความกล้าทูลขอความเมตตาจากฮ่องเต้ให้รัชทายาทมาร่วมงานเลี้ยง ฮ่องเต้ชำเลืองพระเนตรไปที่ฮองเฮาแวบหนึ่ง เห็นฮองเฮาทรงมีท่าทีกระตือรือร้น และทรงเห็นว่ารัชทายาทถูกกักอยู่ในวังตะวันออกมาสิบกว่าวันแล้ว น่าจะได้รับบทเรียนพอแล้ว จึงพระทัยอ่อน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งยากนักที่จะได้อยู่พร้อมหน้ากันทั้งครอบครัว ฮ่องเต้ไม่อยากให้ทุกคนหมดสนุก จึงผงกพระเศียรให้ฮองเฮา ฮองเฮาทรงระงับความดีใจไว้ไม่อยู่ รีบมีรับสั่งให้คนไปเชิญรัชทายาทมาทันที
หลี่เฉิงเพ่ยนิสัยร่าเริงไม่ชอบอยู่เฉย เมื่อต้องมาถูกกักตัวเป็นเวลาหลายวันก็รู้สึกอึดอัดกลัดกลุ้มแทบทนไม่ไหว พอได้ยินว่าฮองเฮามีรับสั่งเรียกหา เขาก็โห่ร้องด้วยความดีใจ รีบเรียกคนนำทางเร่งรุดไปตำหนักฮองเฮา แม้การที่พระบิดาอยู่ด้วยทำให้เขาหมดสนุกไปไม่น้อย แต่เปรียบกับให้เขาถูกกักอยู่ในวังตะวันออกคนเดียวแล้วยังสนุกกว่ามาก
ทั้งครอบครัวใช้เวลาในค่ำคืนนี้ร่วมกันอย่างชื่นมื่น
หมูกระต่าย
พฤศจิกายน 2, 2017 at 4:17 PM
อยากอ่านแล้วค่าาาา รอนะค้าาา