ซูป๋ออวิ๋นตั้งอกตั้งใจสัมผัสพลังอยู่พักใหญ่ ในที่สุดก็ส่งคืนกำไลแขนแก่ซูเพียนจื่อ เขาลังเลเล็กน้อยก่อนกล่าว “เจ้าจะเอาชิ้นนี้จริงๆ น่ะหรือ เมื่อครู่ข้าถ่ายเทลมปราณเข้าไปทดสอบแล้ว ดูเหมือนมันจะเป็นแค่ของวิเศษระดับต่ำชิ้นหนึ่งเท่านั้น…”
เขาพยายามพูดอ้อมค้อมที่สุดแล้ว เมื่อครู่ลมปราณที่ถ่ายเทเข้าสู่กำไลแขนทองเหลืองวงนี้เหมือนเข้าไปในถ้ำที่ไร้ก้นบึ้ง กลวงโหวงไม่มีการตอบสนองใดๆ ทั้งสิ้น เขาก็นับเป็นผู้ที่เคยเห็นของวิเศษระดับสูงมาก่อน กำไลแขนวงนี้ดูคล้ายของวิเศษระดับสูงที่ชำรุดแล้วมากกว่า ชั่วขณะเขาจึงไม่อาจหาวิธีใช้งานมันได้
ในใจซูเพียนจื่อผิดหวังอยู่บ้าง ทว่าก็ไม่อาจตัดใจวางกำไลแขนวงนี้คืนกลับไปอีก
ซูป๋ออวิ๋นมองออกว่าในใจนางกำลังต่อสู้ดิ้นรน เขาจึงเสนอว่า “หากเจ้าชอบก็ถือมันไว้ก่อนเถอะ คำชี้แจงบอกว่าผู้มีวาสนาย่อมได้ครองไม่ใช่หรือ หากอีกเดี๋ยวเจ้าพบสิ่งอื่นที่ชอบมากกว่า ค่อยสับเปลี่ยนชิ้นใหม่ก็ยังได้”
“อืม” ซูเพียนจื่อเองก็รู้สึกว่าทำเช่นนี้ถูกใจตนที่สุดแล้ว “ท่านล่ะตั้งใจจะเลือกอาวุธหรือว่าของวิเศษประเภทอื่น”
นางจำได้ว่ามีคนเคยเล่าว่าผลคะแนนวิชากลลวงของซูป๋ออวิ๋นธรรมดายิ่ง เขาฝึกวิชายุทธ์เป็นหลัก ภายหน้าจะมารับตำแหน่งองครักษ์ของสกุลซู ของวิเศษที่คนเช่นนี้จะเลือกย่อมต้องเป็นศัสตราวิเศษที่มีพลังโจมตีสูง นางก็สนใจจะไปดูอย่างมากเช่นกัน
“ก่อนมาอาจารย์บอกข้าว่าในคลังสมบัติมีของชิ้นหนึ่งที่น่าจะเหมาะกับข้ามาก เพียงแต่ไม่รู้ว่าถูกผู้อื่นหยิบฉวยไปก่อนแล้วหรือไม่” ซูป๋ออวิ๋นตอบ
“เช่นนั้นก็รีบไปดูกันเถอะ!” ซูเพียนจื่อแคลงใจอยู่บ้างว่าซูป๋ออวิ๋นย้ายมาอยู่กลุ่มสุดท้ายเพื่อนาง แต่นางก็รู้สึกว่าความคิดนี้ของตนออกจะหลงตัวเองเกินไป
ซูเพียนจื่อจับปลายด้านหนึ่งของฝักกระบี่ไว้เช่นเดิม จากนั้นซูป๋ออวิ๋นก็พานางเร่งฝีเท้ามุ่งหน้าไปทันที เพียงครู่เดียวเท่านั้นนางก็มาถึงอีกฟากที่อยู่ด้านในสุดของคลังสมบัติแล้ว ความเร็วนั้นทำให้นางมองไม่ทันสักนิดว่าตนเดินทางมาไกลมากเพียงใด
ศิษย์คนอื่นๆ ก็อยู่ตรงนี้เช่นกัน แต่ละคนพอเห็นซูเพียนจื่อกับซูป๋ออวิ๋นก็ออกอาการเหมือนเผชิญหน้าศัตรูที่กล้าแข็ง
ภูมิหลังและพลังฝีมือของซูป๋ออวิ๋นแข็งแกร่งเกินไป หากเขาหมายตาของวิเศษชิ้นเดียวกับพวกตน พวกตนก็ไม่มีทางจะเป็นคู่แข่งของเขาได้เลย
ซูป๋ออวิ๋นไม่แม้แต่จะมองคนอื่นๆ พอเดินตรงไปถึงหน้าชั้นวางสำริดที่อยู่ริมซ้ายมือ เขาก็หยิบกระบี่ยาวไร้ฝักสีเงินยวงเล่มหนึ่งลงมาดีดนิ้วไปที่คมกระบี่เบาๆ ก่อนจะหันกลับมาเอ่ยกับซูเพียนจื่อ “ที่อาจารย์พูดถึงก็คือ ‘กระบี่เกล็ดน้ำพุใส’ เล่มนี้ มันเหมาะกับ ‘วิชาวารีนิลกาฬ’ ที่ข้าฝึกปรืออยู่”
เมื่อเห็นว่าซูป๋ออวิ๋นมีเป้าหมายที่แน่ชัดอยู่แล้ว เหล่าศิษย์ที่อยู่แถวนี้ก็พลันโล่งอก และสงบใจค้นหาของวิเศษกันต่อ
“หืม? ขอข้าดูหน่อยได้หรือไม่” หลังจากซูเพียนจื่อหยิบกำไลแขนวงนั้นมาด้วย จิตใจและร่างกายก็กลับมาเป็นปกติ ทั้งรู้สึกคล้ายมองสิ่งใดก็แจ่มชัดเป็นพิเศษ ชัดราวกับมองทะลุเนื้อแท้ของพวกมันได้ทีเดียว