คำพูดนี้มีแววยั่วเย้าอยู่หลายส่วน หวังซื่อเจาได้ยินก็ได้แต่กรุ่นโกรธอยู่ในใจ แม่นมหลินกลับโล่งอก รีบประคองฟู่หลันหยาเดินอ้อมหวังซื่อเจาเข้าไปในโรงเตี๊ยม
ฟ้าสีเข้มเข้าสู่ยามพลบค่ำแล้ว โรงเตี๊ยมจุดโคมไฟไว้ทั้งสองด้าน ทิ้งเงาผืนใหญ่ทอดไว้บนพื้นดิน เงานั้นสั่นไหววูบวาบไปตามสายลม
พอเข้ามาแล้วฟู่หลันหยาก็กวาดมองภายในโรงเตี๊ยมผ่านม่านหมวกแพร ตอนนี้จึงเพิ่งพบว่าโรงเตี๊ยมแห่งนี้ดูกว้างขวางกว่าที่ตนเองคิดไว้มาก มีสองชั้น คิดว่าคงจะมีห้องพักไม่น้อย ทางห้องโถงใหญ่ก็จัดวางโต๊ะอาหารไว้อย่างเป็นระเบียบสิบกว่าตัว
แม้โต๊ะอาหารจะวางไว้ไม่ห่างกันมากนัก แต่ดูแล้วกว้างขวาง มีลูกค้านั่งกระจายกันอยู่สิบกว่าคน กำลังร่ำสุราพลางพูดคุยสรวลเสเฮฮา ดูแล้วคงจะไม่ลุกออกไปเร็วๆ นี้
ขณะฟู่หลันหยาเดินผ่านกลางห้องโถง ก็สัมผัสได้ว่าแม้ลูกค้าของร้านจะแต่งกายด้วยชุดชาวจงหยวน ทว่าในนั้นมีสองสามคนที่โหนกแก้มสูงจมูกโด่ง เบ้าตาลึก เห็นได้ชัดว่าเป็นชาวอี๋
นางหลุบตาลงด้วยความประหลาดใจ ปกติองครักษ์เสื้อแพรมักทำงานอย่างวางท่าทางใหญ่โต ทั้งระหว่างทางที่มาก็มิได้ราบรื่นนัก นางยังคิดว่าผิงอวี้คงจะ ’เชิญ’ ลูกค้าทั้งหลายออกไปโดยอาศัยตำแหน่งผู้บัญชาการหน่วยองครักษ์เสื้อแพร เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องยุ่งยากที่ไม่คาดฝัน คิดไม่ถึงว่าต่างฝ่ายต่างอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบเรียบร้อยโดยไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น
เดินไปถึงด้านในสุดของห้องโถงกลาง ฟู่หลันหยาก็มองเห็นผิงอวี้ที่เข้ามาก่อนกำลังเอามือไพล่หลังพลางประเมินสถานที่โดยรอบ มีชายวัยกลางคนท่าทางอู้ฟู่อยู่เบื้องหน้าเขา ดูแล้วน่าจะเป็นเถ้าแก่ใหญ่ของโรงเตี๊ยมแห่งนี้ กำลังยิ้มประจบเอ่ยว่า “ข้าน้อยไม่เคยเห็นคนที่ดูสุภาพเรียบร้อยเยี่ยงท่านมาก่อน ยามนี้ห้องพักชั้นล่างมีแขกเข้าพักไม่น้อย เกรงว่าคงไม่พอให้พวกใต้เท้าเข้าพักได้ทุกคน ชั้นสองนั่นมีห้องพักติดกันสองห้อง แต่เพราะข้างในมีห้องอาบน้ำด้วย จึงมีราคาแพงเอาการ แพงกว่าห้องพักชั้นล่างถึงเท่าตัว…”
เขาพูดไปก็คอยสังเกตสีหน้าที่แปรเปลี่ยนของผิงอวี้ พูดยังไม่ทันจบ รอยยิ้มบนหน้าผิงอวี้ก็หายไปหลายส่วน จึงตระหนกตกใจจนขวัญหาย รีบแก้คำพูดว่า “ใต้เท้าอุตส่าห์ให้เกียรติมาพักยังที่พักอันต่ำต้อยของข้าน้อย เอาเช่นนี้เถิด อย่าว่าแต่ห้องพักสองห้องเลย ต่อให้พวกใต้เท้าทุกคนจะพักที่ชั้นล่างก็จะไม่คิดค่าห้องพัก คิดเสียว่านี่เป็นการเลี้ยงต้อนรับใต้เท้าทั้งหลายจากข้าน้อย”
ใครเลยจะรู้ว่าผิงอวี้กลับบอก “วางใจเถอะ ข้าจ่ายเงินแน่ แต่พวกคนของข้าตรากตรำหลายวันติดๆ กัน ไม่ได้นอนเต็มตื่นนานแล้ว คืนนี้พอพวกข้าเข้าพัก เจ้าก็อย่ารับลูกค้าอื่นอีก จะได้ไม่ส่งเสียงดังเอะอะโวยวายจนไม่ได้หลับได้นอนกัน”
เถ้าแก่รีบพยักหน้ารับปาก “ย่อมต้องทำเช่นนี้! ย่อมต้องทำตามท่านว่า! ใต้เท้าโปรดวางใจ อีกสักครู่ข้าน้อยจะไปแขวนป้ายไว้ข้างนอกบอกว่าแขกเต็มแล้ว จะไม่ปล่อยให้ลูกค้าเข้ามาอีกแล้วขอรับ”
ถึงตอนนี้ผิงอวี้จึงค่อยพยักหน้าพอใจ สั่งให้เถ้าแก่พาพวกผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาไปดูห้องพัก แล้วส่งคนให้ออกไปข้างนอกนำม้าไปที่คอก ให้ดื่มน้ำกินหญ้า
ทุกคนล้วนได้ยินคำพูดเมื่อครู่อย่างชัดเจน ห้องพักที่ค่อนข้างดีอยู่ติดกันก็คือห้องพักที่ชั้นบน ส่วนห้องพักที่เหลือซึ่งด้อยกว่าอยู่ชั้นล่าง บรรดาองครักษ์เสื้อแพรที่เดินทางมาในคราวนี้ นอกจากผิงอวี้แล้ว ก็มีเพียงหวังซื่อเจาที่มีตำแหน่งสูงที่สุด ระหว่างทางตอนขามา พอเจอสถานการณ์เช่นนี้ เดิมทีก็จะให้เกียรติผิงอวี้กับหวังซื่อเจา ทุกคนจึงพากันคิดว่าห้องพักชั้นบนสองห้องนั้นจะต้องเป็นห้องพักของผิงอวี้กับหวังซื่อเจาแน่นอน แม้แต่หวังซื่อเจาเองก็ยังคิดเช่นนี้
ตอนนั้นหวังซื่อเจาจึงไม่รีบเดินขึ้นชั้นบน ได้แต่แอบคาดเดาในใจ ไม่รู้ว่าผิงอวี้จะจัดการให้ฟู่หลันหยาพักอย่างไร
หวังซื่อเจารู้ดีว่าผิงอวี้มักจะแสดงความเห็นขัดแย้งกับเขาอย่างคาดเดาอารมณ์ไม่ถูก จึงได้แต่รอดูอยู่ข้างๆ ไม่ได้เป็นฝ่ายเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาก่อน ป้องกันไม่ให้กลายเป็นการสร้างความไม่พอใจให้อีกฝ่ายขึ้นมา