ทดลองอ่าน เรื่องราวของเรากับนาง บทที่ 2 – หน้า 10 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน เรื่องราวของเรากับนาง บทที่ 2

นกกระเต็นสองตัวเกาะอยู่บนสันหลังคาที่ปกคลุมไปด้วยน้ำค้างแข็งฤดูใบไม้ผลิ

สายลมต้นฤดูใบไม้ผลิพัดไม่สม่ำเสมอ สงบลงยามตะวันตกดิน แล้วพัดอีกครั้งยามพระจันทร์ขึ้น ในคืนที่ลมพัดแรง เมฆบางหมอกจาง ระฆังของเจดีย์หย่งหนิงข้างทางหลวงทิศตะวันตกส่งเสียงดังกังวาน ได้ยินไปไกลกว่าสิบหลี่

จางตั๋วนั่งพลิกตำรา ‘การเขียนพู่กันจตุอักษร’ ควันหอมจากเตาป๋อซานลอยอวลอยู่ด้านข้าง เงาดอกไม้ร่วงหล่นตกกระทบเป็นรอยด่างบนม่านหน้าต่าง เขาถือหนังสืออยู่ใต้ตะเกียง มืออีกข้างถือพู่กัน คัดลอกอักษรวิจิตรของเหวยตั้น ลงบนขลุ่ยไม้ท้อ กดข้อมือขยับนิ้วมือ ราวกับมังกรตื่นจากการจำศีล เหยียดตัวเคลื่อนไหวอีกครั้ง

กลางลานเรือนจุดไฟส่องสว่าง รูปสลักพระโพธิสัตว์กวนอินถูกแสงไฟที่ลอดเข้ามาส่องสว่างไปครึ่งซีก

เสียงพูดรายงานดังขึ้นนอกประตู “คุณชาย ขันทีใหญ่ซ่งจากในวังส่งคนมาเชิญขอรับ”

จางตั๋วลดตำราลง บนหน้าต่างตรงหน้าสะท้อนเงารางเลือน เสื้อผ้าบนเงาร่างนั้นถูกลมพัดจนเกิดเสียงดังราวกับจะกระตุกหนังหุ้มกระดูกที่ถูกห่อหุ้มอยู่ในเนื้อผ้านั้นให้หลุดจากกัน

“ใครอยู่ข้างนอก”

เงาร่างนั้นสั่นเทาแต่กลับไม่ได้เอ่ยปากตอบ ผ่านไปครู่หนึ่งเจียงหลิงจึงเอ่ยว่า “เป็นแม่นางสีอิ๋นขอรับ”

“เข้ามา”

ประตูเปิดดังแอด เสียงกระพรวนดังลอยเข้าหูพักหนึ่ง สีอิ๋นห่อตัวเดินเข้ามา นางมีอาการไอเล็กน้อย หลังจากอารมณ์แปรปรวนปั่นป่วนก็รู้สึกไม่สบายท้องอย่างยิ่ง แก้มของนางร้อนผ่าว ดวงตาพร่าเลือนเล็กน้อย ยามนี้มือของนางยังคงถูกมัด เงยหน้าขึ้นเห็นจางตั๋วนั่งอยู่หน้าโต๊ะกระเบื้องก็รู้สึกเก้อกระดาก ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะไปยืนที่ใด

จางตั๋วยืนขึ้นแล้วหยิบมีดสั้นบนชั้นวางมีดลงมา เขาคว้ามือของนางที่ไพล่อยู่ข้างหลัง สอดมีดเข้าไปในร่องเชือกอย่างคล่องแคล่วแล้วพูดกับคนข้างนอก

“เกิดอะไรขึ้นในวัง”

คนที่อยู่ข้างนอกตอบว่า “กองทัพกลางได้จับกุมนักโทษหญิงหลายคนที่หลบหนีไปได้จากนอกเมือง คืนนี้จะเดินทางไปตรวจสอบขอรับ”

สีอิ๋นก้มหน้ามองจางตั๋ว เขาโน้มตัวเล็กน้อย ตัดเชือกที่มัดไว้ขาดไปครึ่งหนึ่งแล้วก็ถามต่อด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“ต้าซือหม่าไปแล้วหรือ”

“ขอรับ ต้าซือหม่าเป็นผู้สอบสวนหลัก ขันทีใหญ่ซ่งคุมการสอบสวน ได้ยินคนที่มาบอกว่านักโทษหญิงหลายคนนั้นถูกลงทัณฑ์ไปรอบหนึ่งแล้ว”

ตอนฟังคำพูดนี้ของเจียงหลิง สีอิ๋นหัวใจกระตุก ลำคอแห้งผาก ไอออกมาทันที แขนจึงสั่นขึ้นมาจนกระแทกสันมีดพลิก เห็นว่าคมมีดจะกรีดไปที่ง่ามนิ้วโป้งกับนิ้วชี้แล้ว จางตั๋วจึงจับด้ามมีดไว้แน่น กดข้อมือของนางเอาไว้ คมมีดวาดผ่านง่ามนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ โชคดีที่ไม่กรีดเป็นแผล

“กลัวหรือ”

นางไม่ได้ส่งเสียง

“นั่นล้วนเป็นตัวตายตัวแทนของเจ้า”

หนึ่งคำพูดเค้นน้ำตา

นางมองข้อมือตนเองโดยไม่กล้าขยับอีก

จางตั๋วมองนางปราดหนึ่ง “ตอนฆ่าคนเหตุใดจึงไม่กลัว”

“ข้าไม่อยากฆ่าคน…”

เขาไม่ได้สนใจนาง บีบแขนของนางอย่างแรง “ยกมือสูงขึ้น”

นางไม่กล้าขัดคำสั่ง รีบอดกลั้นความเจ็บยกมือขึ้น แต่ยังคงทนไม่ไหวไอออกมาอีกหลายที

“เจ้าจะไออะไรนัก! ทนไว้!”

ท่าทางถือมีดตะคอกใส่ของเขานั้นน่ากลัวจริงๆ นางตกใจจนรีบพูดว่า “ไม่กล้าแล้ว!”

ทันใดนั้นคมมีดก็ถูกพลิก ตัดเชือกที่เหลือทั้งหมดขาดในครั้งเดียว

ลมในลำคอของนางยังไม่ทันผ่อนออกมาก็ได้ยินคนตรงหน้าเอ่ยว่า “ถ้าตอนนั้นมือเจ้ามีแรงพอ ฆ่าคนคนนั้นได้ในมีดเดียว ก็ไม่มีเรื่องยุ่งยากเหล่านี้ในวันนี้แล้ว”

ไม่รู้เพราะเหตุใดคำพูดนี้ฟังแล้วคล้ายแฝงคำตำหนิที่ไม่ถูกกาลเทศะไว้หลายส่วน

สีอิ๋นกลั้นความอยากไอเงยหน้าขึ้น เห็นชายหนุ่มกำลังเช็ดมีดอยู่ใต้แสงไฟ

คมมีดนั้นถูกเช็ดจนวาววับ ยังไม่ถูกเก็บเข้าฝักในทันที

จางตั๋วพลิกมือวางมีดกลับลงบนชั้นวางแล้วพูดกับเจียงหลิงที่อยู่ข้างนอก “มีเพียงนักโทษหญิงเหล่านั้นเท่านั้นหรือ ตอนนี้สารภาพอะไรแล้วบ้าง”

“ได้ยินว่ายังส่งข่าวถึงทหารกองทัพกลางที่ถูกควักลูกตาวันนั้นด้วย แต่เขาตกใจกลัวมาก พูดเพียงว่าได้พบคุณชายที่ถนนถงถัว เรื่องอื่นไม่ได้พูดอะไรขอรับ แต่นักโทษหญิงเหล่านั้นทนการลงทัณฑ์ไม่ไหว ใต้เท้าต้าซือหม่าถามอะไร พวกนางก็ตอบอย่างนั้น พูดคำมากมายที่ไม่เป็นผลดีต่อคุณชาย โชคดีที่ขันทีใหญ่ซ่งเคยพบหญิงสาวที่ลอบปลงพระชนม์คืนนั้นเลยไม่ยอมเชื่อทั้งหมด จึงให้คนมาเชิญคุณชายไปร่วมฟังการสอบสวนด้วยขอรับ”

“อยู่ที่ใด”

“คุกหลวงของศาลยุติธรรมขอรับ”

“จ้าวเชียนเล่า”

“แม่ทัพจ้าวได้ข่าวเรื่องนี้ก็ควบม้ารุดไปนานแล้วขอรับ”

“วุ่นวาย ไปมัดตัวเขากลับมา”

เจียงหลิงลำบากใจ ประสานมือตอบว่า “นิสัยของแม่ทัพจ้าวที่ผ่านมาจะฟังเพียงคำพูดของคุณชายเท่านั้น ปกติมีแต่เขาที่มัดตัวพวกเรา จะให้พวกเรามัดตัวเขาได้อย่างไร อีกอย่างคุกหลวงของศาลยุติธรรมพวกเราจะไปก่อเรื่องไม่ได้เช่นกัน”

จางตั๋วได้ฟังก็นิ่งเงียบ ปัดตำราบนเสื่อออกอย่างว้าวุ่นใจเล็กน้อย ผ่านไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยว่า “เตรียมม้า”

เจียงหลิงรับคำสั่งของเขา จากนั้นก็มองไปยังร่างผอมบางในห้องนั้นปราดหนึ่ง ลังเลอยู่ชั่วครู่จึงถามว่า “ชายตาบอดผู้นั้นถูกนำตัวไปห้องลงทัณฑ์แล้ว คุณชาย…”

จางตั๋วตัดบทคำพูดของเขา “ข้าอยู่หรือไม่ก็เหมือนกัน ห้ามเอาชีวิตคน เรื่องอื่นเจ้าตัดสินใจเอง แค่ถามเขาหนึ่งคำถาม”

เขาพูดแล้วก็ชะงักไป เงาดำที่ไม่รู้ว่าเป็นเงาของสิ่งใดตกลงบนดั้งจมูกของเขา ท่าทางน่ากลัวเล็กน้อย

ตอนที่สีอิ๋นเงยหน้ามองก็เห็นว่าเงานั้นคือนิ้วมือของรูปสลักพระโพธิสัตว์กวนอินองค์นั้น

เวลานี้สิ่งที่สะท้อนบนใบหน้าของเขาราวกับบาดแผลเก่าที่ตกสะเก็ด ดูค่อยๆ น่ากลัวมากขึ้น

เจียงหลิงไม่ได้ยินเสียงของผู้เป็นนายเสียที ยืนรออยู่ครู่ใหญ่ สุดท้ายจึงเงยหน้าพูดหยั่งเชิง “ถามอะไรเขาขอรับ”

จางตั๋วก้มหน้า ลูบด้ามมีดที่ใช้ตัดเชือกเมื่อครู่ “ถามเขาว่าเป็นสหายเก่าเขตตงจวิ้นใช่หรือไม่”

เจียงหลิงตกใจ พูดเสียงเบาว่า “คุณชาย…อยากได้ยินเขาพูดว่าอะไร”

“ไม่สำคัญ ใช้เครื่องมือลงทัณฑ์ก็พอ” พูดจบก็ยกมือแหวกม่านกั้นตรงหน้า เดินตรงออกไปข้างนอก

เจียงหลิงไม่กล้าถามอะไรอีก เห็นหญิงสาวที่ด้านหลังอีกฝ่ายมีสีหน้าตื่นตระหนก ใกล้จะสติแตกแล้ว

ไม่รู้ว่าจางตั๋วเป็นห่วงความรู้สึกของนางใช่หรือไม่ จึงจงใจปิดบังชื่อของเฉินจ้าวตอนพูดกับเจียงหลิง แต่เห็นชัดว่านางระแคะระคาย พอเห็นจางตั๋วจะเดินจากไปจึงรีบขยับไปคว้าแขนเสื้อของเขา ตอนที่ดึงก็เกือบจะถูกเขาลากจนล้มลง

“คุณชายจะลงทัณฑ์ผู้ใดหรือ”

จางตั๋วไม่ได้หันหน้ามา เพียงย้อนถามว่า “คุกหลวงศาลยุติธรรมมีห้องลงทัณฑ์สี่ห้อง หนึ่งวันมีคนทนรับการลงทัณฑ์ไม่ไหวตายไปหลายคน เจ้าถามถึงคนใด”

นางถูกเขาถามจนตกตะลึง แม้ในบทกวีจะมีถ้อยคำเสียดสีขบขัน แต่ก็ไม่เคยล้อเล่นกับชีวิตคนเช่นนี้

“ปล่อยมือ”

นางยังตกตะลึงอยู่ ไม่ยอมปล่อยมือทั้งยังจับแน่นยิ่งขึ้น

จางตั๋วไม่ได้รีบร้อนตะคอกด่า ยื่นมือไปจับข้อมือของนางแล้วกระชากไปข้างหลัง “คืนนี้ข้าจะกลับมาเช็ดตัว เจ้าทำเป็นหรือไม่”

“เป็น…”

“เช่นนั้นเจ้าก็เตรียมตัวไว้” เขาพูดจบก็ไม่สนใจความทุกข์ทรมานด้วยความตระหนกว้าวุ่นใจของนาง ก้าวตรงออกไปทันที

สีอิ๋นวิ่งตามไปถึงประตู เห็นจางตั๋วเดินไปถึงต้นเหมยแคระต้นนั้นแล้วหยุดยืน หมุนตัวไปเรียกเจียงชิ่นมา ไม่รู้ว่าสั่งการอะไรบ้าง

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน ห้วงฝันบันดาลรัก บทที่ 4-6

    By

    บทที่ 4 แป้งชาด ตอนตี้อีชิวกลับถึงกองเสวียนอู่ก็เป็นยามอิ๋นแล้ว ถึงอย่างไรท้องฟ้าก็กำลังจะสว่าง เขาจึงมิได้นอนอีก ตัดสินใจไปอ่านเอกสารที่ห้อ...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน ห้วงฝันบันดาลรัก บทที่ 1-3

    By

    บทที่ 1 แค้นเก่า หวงหร่างกลายเป็นเผือกร้อนหัวหนึ่ง ผู้เก่งกล้าจากสำนักเซียนหลายคนฝ่าฟันอันตรายลักพาตัวนางออกมาด้วยความยากลำบากเหลือแสน เดิมท...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน ลำนำฝูหรงเคียงกระเรียน บทที่ 1.5-1.6

    By

    บทที่ 1.5 นกกระเรียนบาดเจ็บกับดอกฝูหรง ยามนี้ในห้องลงทัณฑ์เงียบสงัดราวกับไร้คนมีชีวิต ความเจ็บปวดแสนสาหัสที่ยากจะทานทนเมื่อครู่เริ่มสงบลงแล้...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน ลำนำฝูหรงเคียงกระเรียน บทที่ 1.3-1.4

    By

    บทที่ 1.3 นกกระเรียนบาดเจ็บกับดอกฝูหรง หลังจากหิมะตกในยามค่ำคืน วันถัดมาที่หนานไห่จื่อก็ปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวโพลน ผู้ดูแลเอามือป้องตาพลางเปิ...

  • ลำนำฝูหรงเคียงกระเรียน

    ทดลองอ่าน ลำนำฝูหรงเคียงกระเรียน บทนำ-บทที่ 1.2

    By

    บทนำ บนโลกนี้มีการเดินทางข้ามกาลเวลาที่สมบูรณ์แบบอยู่หรือไม่ น่าจะมีอยู่ หยางหวั่นก็คือคนโชคดีที่ได้เดินทางข้ามกาลเวลาครั้งนี้ หลายคนต่างบอก...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน ฟูมฟักจอมราชัน บทที่ 7-8

    By

    บทที่ 7 หูซื่อหลังส่งจางมามาไปแล้วก็มีท่าทางเซื่องซึม แต่ตอนที่หันกลับมาเห็นบุตรสาวก็ฝืนทำเป็นยิ้มร่าเริง กระตุ้นให้ตนเองฮึกเหิมแล้วไปล้างปล...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน ฟูมฟักจอมราชัน บทที่ 5-6

    By

    บทที่ 5 ตามที่บทละครเขียนไว้แขวนโคมแดงคือการเปิดประตูเรือนทำงานเป็นนางคณิกา แม้หูซื่อจะทำเช่นนี้จริงๆ ยามจวนตัว แต่คำพูดนี้พอออกมาจากปากบุตร...

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ฟูมฟักจอมราชัน บทที่ 1-2

บทที่ 1 อู๋เซี่ยวเซี่ยวไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าตนเองที่เป็นผู้จัดการดารามือทองมากประสบการณ์จะถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างดุเ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ฟูมฟักจอมราชัน บทที่ 5-6

บทที่ 5 ตามที่บทละครเขียนไว้แขวนโคมแดงคือการเปิดประตูเรือนทำงานเป็นนางคณิกา แม้หูซื่อจะทำเช่นนี้จริงๆ ยามจวนตัว แต่คำพูด...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ฟูมฟักจอมราชัน บทที่ 3-4

บทที่ 3 อู๋เซี่ยวเซี่ยวเปิดกระจกรถเล็กน้อยด้วยสีหน้าเรียบเฉย ให้กลิ่นค่อยๆ ระบายออกไป จากนั้นสตาร์ตรถ เหยียบคันเร่งขับรถ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ฟูมฟักจอมราชัน บทที่ 7-8

บทที่ 7 หูซื่อหลังส่งจางมามาไปแล้วก็มีท่าทางเซื่องซึม แต่ตอนที่หันกลับมาเห็นบุตรสาวก็ฝืนทำเป็นยิ้มร่าเริง กระตุ้นให้ตนเอ...

community.jamsai.com