ซูมู่อยู่ในตำแหน่งเจ้าเมืองนครหลวงมาหลายปีไม่เคยมีอะไรผิดพลาด เรียกได้ว่าเปี่ยมความสามารถและประสบการณ์ เขาไม่มีทางทำอะไรโดยไม่มีจุดหมาย การให้ญาติผู้พี่ทั้งสองไปอยู่ในกองทัพของชิวลี่สิงอย่างเร่งด่วนเช่นนี้ หรือซูมู่เห็นว่าตนจะต้องถูกปลดจากตำแหน่ง ไม่ ถ้าเพียงออกจากตำแหน่ง ท่านลุงคงไม่ถึงกับเอาอนาคตและชีวิตของบุตรชายไปเสี่ยงอันตราย หรือว่าท่านลุงเห็นว่าตนยังอาจได้รับโทษทัณฑ์จากฮ่องเต้ ดังนั้นจึงให้บุตรชายไปเป็นทหาร เพื่อหวังจะให้ชิวลี่สิงช่วยปกป้อง
ฉีซู่ตระหนกในใจ กัดริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว “หรือว่าท่านลุงมองอะไรออก”
“เขาก็ไม่ได้พูดเช่นนั้น ด้วยเหตุนี้ข้าจึงไม่เข้าใจความคิดของเขา แต่เจ้าวางใจเถอะ ท่านลุงของเจ้าพูดแล้ว ขอเพียงมีเขาอยู่หนึ่งวัน ก็จะปกป้องพวกเจ้าหนึ่งวัน พวกเจ้าไม่ต้องร้อนใจ อย่าหุนหันพลันแล่น อดทนให้มากเข้าไว้ ฝ่าบาททรงใส่พระทัยเรื่องชื่อเสียง ขอเพียงเขาหาความผิดไม่ได้ ก็ไม่อาจแตะต้องพวกเจ้าได้”
ฉีซู่พยักหน้า “เรื่องนี้ข้าเข้าใจ ปกติข้าก็เตือนท่านอ๋องเช่นนี้”
ซูอิ่นกล่าวต่อ “ท่านลุงของเจ้าบอกว่าพักนี้ท่านอ๋องคลุกคลีใกล้ชิดกับเหล่าเชื้อพระวงศ์มาก จึงให้ข้ามาเตือนเจ้า คนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นพวกใจร้อนหุนหันพลันแล่น ท่านอ๋องไปคลุกคลีอยู่กับพวกเขามากเกินไปไม่ใช่เรื่องดี”
ฉีซู่ถอนใจ “ข้าใช่จะไม่เคยเตือนเขา แต่เรื่องอะไรเขาก็ยอมฟัง ยกเว้นเรื่องนี้เท่านั้น ท่านแม่ก็รู้ เขาในเวลานี้แม้จะมีตำแหน่งเป็นข้าหลวงตรวจการเมืองยงโจว แต่ก็ไม่อาจเข้าร่วมใช้อำนาจบริหารในราชสำนักได้ อยู่เมืองหลวงก็ไม่มีอิสระเป็นตัวของตนเองเช่นอยู่ที่หย่งโจว เขามักเอาแต่กลัดกลุ้ม ข้าคิดว่ายากนักที่เขาจะได้มีอะไรเบิกบานใจบ้าง คนเหล่านั้นแม้จะไม่มีความสามารถอะไร แต่จะอย่างไรก็เป็นญาติพี่น้อง เป็นสหายร่วมหาความสำราญ เขาก็จะได้ไม่ต้องอยู่บ้านคิดอะไรเหลวไหล ก็แค่สิ้นเปลืองเงินทองแพรพรรณสักหน่อยก็เท่านั้น”
ซูอิ่นคิดจะบอกว่าพักหลังมานี้ฮ่องเต้ทรงกำลังตัดลดที่ดินศักดินาของเหล่าราชนิกุลลง ในบรรดาราชนิกุลมีจำนวนไม่น้อยที่มีจิตแค้นเคืองฮ่องเต้ มักแอบตำหนิบ่นว่าอยู่เสมอ ฐานะของหลี่หยวนเพ่ยค่อนข้างละเอียดอ่อน อย่าไปมาหาสู่กับพวกเขามากนักจะดีกว่า แต่พอมาคิดดูอีกที เวลานี้บุตรสาวกำลังตั้งครรภ์ พูดไปแล้วก็เกรงว่านางจะกลัดกลุ้ม ยังคงให้ซูมู่เป็นคนบอกกับหลี่หยวนเพ่ยด้วยตนเองในวันหลังจะดีกว่า
สายตาของซูอิ่นจับนิ่งไปที่ท้องของฉีซู่อีกครั้ง แววตาอ่อนละมุนลง “ที่เจ้าพูดก็มีเหตุผล ฝ่าบาททรงประทานสิ่งของให้มากมาย พวกเจ้าหาได้ขาดแคลนเงินทองเท่านี้ ก็ปล่อยเขาไปเถิด พวกเจ้าอายุก็ไม่น้อยแล้ว คลอดลูกออกมาเลี้ยงดูให้ดีจึงจะถูก”
ฉีซู่ลูบหน้าท้องที่ยังแบนราบของตน มุมปากมีรอยยิ้มผุดขึ้นจางๆ “ใช่ ในที่สุดก็เฝ้ารอคอยจนได้มา”
ซูอิ่นกลับไปได้ไม่นาน หลี่หยวนเพ่ยก็โซซัดโซเซกลับมาบ้าน ตอนเขาล้มลุกคลุกคลานลงมาจากหลังม้า กระทั่งผ้าโพกศีรษะยังเอียงไปข้างหนึ่ง สาวใช้ต้องช่วยกันประคองเข้ามาในบ้าน พอเขาเข้ามาฉีซู่ก็ได้กลิ่นสุราจากร่างของเขาจนอดที่จะนิ่วหน้าไม่ได้ หลี่หยวนเพ่ยรู้ว่าภรรยากำลังตั้งครรภ์มีความรู้สึกเฉียบไวต่อกลิ่นเป็นพิเศษ จึงได้แต่ยิ้มแหยไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วใช้เจ่าโต้ว* ล้างหน้าล้างมือ ยังเอาน้ำสะอาดบ้วนปาก กระทั่งรู้สึกว่าบนร่างไม่มีกลิ่นแล้วจึงกลับเข้ามา
เขานั่งลงข้างกายฉีซู่ ยิ้มพลางเอ่ยถาม “พระชายาอ๋อง วันนี้ทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือไม่”
ฉีซู่เอามืออุดจมูก “ไปดื่มมาจนเนื้อตัวมีแต่กลิ่นสุราอีกแล้ว”
หลี่หยวนเพ่ยก้มลงดมตนเอง ก่อนเอ่ยถาม “ยังมีกลิ่นอีกหรือ ข้าไปล้างมาจนสะอาดแล้วนี่”
* เจ่าโต้ว (ถั่วอาบน้ำ) เป็นสบู่สมัยโบราณทำจากตับอ่อนหมูบดละเอียดผสมผงถั่วและเครื่องหอม นำมาตากแห้งแล้วใช้ถูตัวช่วยขจัดคราบสกปรกและบำรุงผิวพรรณ