สตรีที่กำลังเดินมาอย่างแช่มช้าสวมเสื้อคลุมแขนกว้างสีแดงเข้มอันเป็นเครื่องหมายบ่งบอกถึงศักดิ์ฐานะของฮูหยินท่านโหว มีผ้าคลุมไหล่สีเขียวแก่ปักลายไก่ฟ้าเดินเส้นนูนด้วยดิ้นทอง บนปิ่นมงกุฎที่สลักลวดลายซับซ้อนงามวิจิตรหรูหราตกแต่งด้วยไก่ฟ้าทองกระพือปีกคล้ายจะเหินบินขึ้น เครื่องแต่งกายตั้งแต่เรือนผมจรดปลายรองเท้าล้วนแผ่รัศมีสูงศักดิ์สง่างามอย่างที่ไม่อาจล่วงล้ำได้ ในดวงตาของเหล่านายหญิงตราตั้งไม่น้อยเผยแววริษยาออกมา
บุตรสาวสกุลหลีเพิ่งอายุเท่าไรเอง ได้ยินว่ายังไม่ปักปิ่นด้วยกระมัง แต่ได้สวมชุดราชสำนักประจำตัวฮูหยินท่านโหวมาถวายพระพรแล้ว ขณะที่บุตรสาวในวัยเดียวกับนางของจวนสกุลต่างๆ เพิ่งเริ่มตั้งต้นจากการเป็นหลานสะใภ้เท่านั้น
เฉียวเจาเดินไปถึงใกล้ๆ บริเวณที่จัดไว้ให้ฮูหยินท่านโหวทั้งหลายแล้วชะงักเท้าเล็กน้อย ขันทีน้อยที่นำทางนางกลับบอกอย่างยิ้มแย้ม “เชิญฮูหยินทางนี้ขอรับ”
ครั้นเห็นขันทีน้อยพานางไปตรงจุดที่ฮูหยินของท่านกั๋วกงซึ่งมีอยู่ไม่กี่ท่านรออยู่ บรรดานายหญิงตราตั้งเริ่มส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์เบาๆ อย่างอดใจไม่อยู่อีก สายตาที่มองเฉียวเจาไม่อาจใช้คำว่า ‘อิจฉาริษยา’ มาบรรยายได้แล้ว
“เชอะ คนเรานี่แข่งบุญแข่งวาสนากันไม่ได้จริงๆ ข้ายังคิดอยู่ว่าอายุเพียงสิบสี่สิบห้าก็ได้สวมชุดราชสำนักเช่นนี้แล้ว ไม่รู้ทำบุญมากี่ชาติ ผลปรากฏว่านางเก่งกาจกว่าที่เราคิดไว้”
ฮูหยินของท่านกั๋วกงเป็นเกียรติยศชั้นใดกันเล่า ลองดูฮูหยินของท่านกั๋วกงซึ่งยืนเข้าแถวอยู่ด้านหน้าของนายหญิงตราตั้งที่แก่ชราจนแทบเดินเหินไม่ไหวสามสี่ท่านแรกนั่นในโถงตำหนักก็จะรู้เอง
“ก็นั่นน่ะสิ ลองคิดถึงตอนพวกเราอายุสิบกว่าปีสิว่าเป็นอย่างไร ยังก้มหน้าเจียมตัวคอยปรนนิบัติรับใช้ท่านแม่สามีอยู่เลยนะ”
คนด้านข้างหลุดหัวเราะพรืด “ท่านยังดีกว่าข้านะ ตอนนั้นนอกจากท่านแม่สามีแล้ว ข้ายังต้องปรนนิบัติรับใช้ท่านแม่สามีของท่านแม่สามีอีกด้วย”
หวังซื่อฮูหยินของเสนาบดีศาลยุติธรรมยืนอยู่ในกลุ่มฮูหยินขั้นสามซึ่งปกตินับว่ามีศักดิ์ฐานะสูงส่ง แต่เพลานี้กลับไม่มีสิทธิ์นั่ง นางมองเฉียวเจาด้วยสีหน้าแววตาที่ปนเปไปด้วยความรู้สึกหลายหลาก
นางอยากขอให้หลีซื่อตรวจร่างกายลูกสะใภ้คนเล็กของตนมาโดยตลอด แต่ยังไม่สมดังใจปรารถนาเรื่อยมา บัดนี้หลีซื่อมีสถานะล้ำหน้าตนไปแล้ว อยากจะให้อีกฝ่ายตอบตกลงคงยากขึ้นไปอีก
ต้องคิดหาวิธีอะไรสักอย่างจึงจะดี หวังซื่อเค้นสมองขบคิดอย่างหนัก
“ไทเฮาเสด็จ…”
ภายในโถงตำหนักเงียบกริบทันใด ทุกคนลุกขึ้นยืน
ไทเฮาซึ่งห้อมล้อมด้วยข้าราชบริพารเดินเยื้องย่างออกมา เสียงดนตรีบรรเลงดังขึ้น นางเสด็จขึ้นแท่นประทับ นายหญิงตราตั้งทั้งหลายถวายพระพรอย่างพร้อมเพรียงกัน จากนั้นเหล่านายหญิงตราตั้งเริ่มถวายแผ่นคำอวยพรโดยแบ่งเป็นกลุ่มๆ ตามลำดับชั้นบรรดาศักดิ์
เฉียวเจากับฮูหยินของท่านกั๋วกงที่มีอยู่ไม่กี่คนยืนต่อแถวอยู่ด้านหลังองค์หญิงใหญ่ฉางหรงกับมู่หวังเฟยเท่านั้น ไทเฮาสังเกตเห็นนางอย่างรวดเร็ว
ไทเฮามองดูสตรีที่อ่อนวัยเหลือเกินในกลุ่มนายหญิงตราตั้งอย่างพินิจพิจารณาโดยไม่แสดงสีหน้าใดๆ สักนิด เห็นนางวางตัวได้เรียบร้อยเหมาะสมในทุกอิริยาบถจนจับผิดไม่ได้แม้แต่น้อย มิหนำซ้ำยังสุขุมเยือกเย็นยิ่งกว่านายหญิงตราตั้งหลายคนแล้วอดประหลาดใจไม่ได้
นางรู้แต่แรกแล้วว่าสตรีผู้นี้แตกต่างจากคนทั่วไปอยู่บ้าง แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะมาได้ไกลถึงจุดนี้
ถึงเป็นบุตรสาวของอาลักษณ์เล็กๆ ในสำนักราชบัณฑิต แต่คงมีกลเม็ดเด็ดพรายจริงๆ ถึงได้เกาะไม้ใหญ่อย่างกวนจวินโหวไต่เต้าขึ้นเป็นนางหงส์ได้ในชั่วข้ามคืน
ไทเฮาเก็บงำความไม่พึงใจในดวงตาไว้และเบนสายตาออกไปทางอื่นอย่างเงียบๆ
เมื่อไทเฮารับการถวายพระพรวันตรุษจากนายหญิงตราตั้งทุกคนเสร็จ เสียงดนตรีเทิดพระเกียรติดังขึ้น พระนางเสด็จเข้าสู่ด้านในของตำหนักและเรียกตัวนายหญิงตราตั้งเข้ามาสนทนากันตามลำพัง
การถวายพระพรวันตรุษเมื่อครู่นี้เป็นเพียงธรรมเนียมที่ทำกันมานานหลายปี แต่ตอนนี้ต่างหากถึงเป็นเวลาที่แสดงถึงความโปรดปรานที่ไทเฮามีต่อนายหญิงตราตั้ง หากไทเฮาเรียกตัวคนใดเข้าพบตามลำพัง ก็สามารถเชิดหน้าชูตาไปได้ทั้งปีเลยทีเดียว
พวกองค์หญิงใหญ่ฉางหรงได้เข้าไปก่อน ไม่นานนักขันทีอาวุโสไหลสี่ก็ขานบอกว่า “เรียกตัวหลีซื่อฮูหยินของกวนจวินโหวเข้าเฝ้า…”
* อักษร ‘ฝู’ หมายถึงโชคลาภ เนื่องจากคำว่า ‘เต้า’ (倒) ที่หมายถึงกลับหัว พ้องเสียงกับคำว่า ‘เต้า’ (到) ที่แปลว่ามาถึง ชาวจีนจึงมีธรรมเนียมติดอักษร ‘ฝู’ กลับหัวเพื่อสื่อความหมายว่าโชคลาภมาเยือน
** เหนียน เป็นสัตว์ประหลาดตัวใหญ่ หัวมีขนรุงรัง ดุร้ายเป็นอย่างมาก ทุกปีพอถึงวันสิ้นปีก็จะออกมาทำร้ายผู้คนและสัตว์เลี้ยง แต่มันกลัวสีแดง แสงไฟ และเสียงประทัด ดังนั้นทุกปีพอถึงวันสิ้นปี (คืนก่อนวันตรุษจีน) จึงมีธรรมเนียมจุดประทัดและแต่งกายด้วยสีแดง
* เฝ้าปี ชาวจีนสมัยโบราณมีความเชื่อว่าในคืนสิ้นปีจะมีสัตว์ประหลาดชื่อว่า ‘เหนียน’ (แปลว่าปี) ออกมาทำร้ายผู้คน จึงไม่ยอมนอนในคืนนี้เพื่อรอขับไล่ตัวเหนียนไป กลายเป็นธรรมเนียมการอยู่โต้รุ่งตลอดคืน
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 27 พ.ย. 65 เวลา 12.00 น.