ทดลองอ่าน ผมมันไอดอลตัวท็อปของยมโลก เล่ม 3 บทที่ 53-54 #นิยายวาย – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน ผมมันไอดอลตัวท็อปของยมโลก เล่ม 3 บทที่ 53-54 #นิยายวาย

หน้าที่แล้ว1 of 2

ทดลองอ่าน ผมมันไอดอลตัวท็อปของยมโลก เล่ม 3

ผู้เขียน : 裴笛 (Pei Di)

แปลโดย : qMondae

ผลงานเรื่อง : 超糊的我竟是冥界顶流 [ 娱乐圈 ]

ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน

จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว

หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

– – – – – – – – – – – – – – – – –

 

Trigger Warning

เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับความรุนแรง ปัญหาครอบครัว

การทำร้ายทางร่างกายและจิตใจ

การบังคับหรือโน้มน้าวให้ทำบางอย่างโดยไม่เต็มใจ

การกักขังหน่วงเหนี่ยว การลักพาตัว การทรมาน การบูลลี่

การกล่าวถึงเลือด การติดสารเสพติด และสถานการณ์อันน่าขยะแขยง

 

 

สำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

 

** หมายเหตุยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **

– – – – – – – – – – – – – – – – –

บทที่ 53

 

เงาดำเริ่มจางลง ทั้งๆ ที่ไม่มีดวงตา แต่กลับยังคงทำให้เฉินรุ่ยเจ๋อรู้สึกว่ามันกำลังจับจ้องเขาอยู่ในอนธการ

เขานั่งอยู่บนวีลแชร์ไฟฟ้า ทั้งห้องนี้ล้วนถูกปรับปรุงให้ไร้อุปสรรคในการใช้วีลแชร์ เป็นการบอกใบ้ว่าในความฝันเขาคือคนที่ไม่สามารถเดินเหินได้สะดวก

เมื่อตระหนักได้ว่าตนนั่งอยู่บนวีลแชร์ เฉินรุ่ยเจ๋อก็คิดอยากจะหนี ถ้าได้ซิ่งวีลแชร์ไฟฟ้าไม่แน่ว่าอาจจะเร็วกว่าขาของเขาก็ได้ แต่เขาไม่สามารถควบคุมร่างกายด้วยตัวเองได้เลย ไม่ว่าจะพยายามขนาดไหน จะกลัวขนาดไหนก็ไม่อาจขยับได้แม้แต่ปลายนิ้ว

เฉินรุ่ยเจ๋อรู้ว่าหากมองเงาดำนั่นจะต้องอันตรายมากๆ ทั้งๆ ที่เขาไม่กล้าหันไป และไม่อยากหันไป แต่กลับมีพลังอย่างหนึ่งบีบให้เขาต้องหันกลับไปมอง

ในความฝันเขากลัวมากๆ ในชีวิตจริงเขาก็ไม่เคยกลัวขนาดนี้มาก่อน เฉินรุ่ยเจ๋อหันไปช้าๆ ก็เห็นเงาดำคล้ายจะขยับใกล้เข้ามาเล็กน้อย

มันขยับเคลื่อนย้ายอย่างอ่อนแอยิ่ง เฉินรุ่ยเจ๋อถึงกับนึกสงสัยอยู่ในความฝันว่าเงาดำที่เข้าใกล้เขาเข้ามานั้นคือความฝัน ภาพหลอน หรือว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงกันแน่

เช้าวันนั้นหลังจากตื่นขึ้นเฉินรุ่ยเจ๋อรู้สึกอ่อนล้าสุดๆ

แม้ปกติช่วงถ่ายหนังจะเหนื่อยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ก็เหนื่อยกันคนละแบบ

หลังจากวันนั้นทุกๆ คืนเขาก็จะฝันถึงแต่เรื่องนี้

เขามักจะค่อยๆ หันกลับไปท่ามกลางความกลัวอย่างสุดซึ้ง และเงาดำก็จะเข้ามาใกล้ทีละนิดๆ เสมอ

จนเขาฝันถึงเรื่องนี้ติดกันเจ็ดแปดวันก็สามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าเงาดำนั้นเดินเข้ามาใกล้เขาราวกับเหลือเพียงครึ่งก้าวแล้ว

บางครั้งเขาต้องถ่ายทำตอนกลางคืน เขาตื่นตัวตลอดทั้งคืน เดิมคิดว่าวิธีนี้จะทำให้เขาหนีจากเงาดำนั้นได้ แต่เมื่อนอนหลับตอนเช้าก็ยังคงฝันเห็นเงาดำอยู่ดี

ขณะเฉินรุ่ยเจ๋อเล่าเขาตกอยู่ในความหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด คอยเช็ดเหงื่อเย็นเยียบบนหน้าผากไม่หยุดหย่อน

ฉยงเหรินยื่นชานมจ่อปากอีกฝ่าย “ดื่มอะไรร้อนๆ ปลอบขวัญสักหน่อยสิครับ”

เฉินรุ่ยเจ๋อลังเลเล็กน้อย ฉยงเหรินยัดหลอดเข้าปากเขา “ตอนนี้คุณน่าจะผอมกว่าตัวละครที่เล่นแล้วนะครับ ดื่มเถอะ”

ต้นแบบเฉินเถาที่เฉินรุ่ยเจ๋อแสดงก็คือซ่งตี้หวัง ซ่งตี้หวังเขาผอมแห้งเหมือนกระดูกเดินได้แบบนี้ที่ไหน

“เสี่ยวเมิ่ง เสี่ยวหวัง พวกเธอคิดว่าไง”

เมิ่งชิงเสวียนกับหวังป๋อตวนมาจัดการกับสถานการณ์ด้วยตัวเองไม่บ่อยนัก แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็มีประสบการณ์เคยติดตามอาจารย์มาตั้งแต่ยังเล็ก ประสบการณ์และความรู้กว้างขวาง ทั้งคู่สบตากัน เมิ่งชิงเสวียนหันไปมองฉยงเหริน “อาจารย์ฉยงครับ พูดตรงๆ เลยได้มั้ยครับ”

ฉยงเหรินพยักหน้า “มีอะไรก็พูดมาตรงๆ เลย ไม่ต้องปิดบังรุ่ยเจ๋อ”

เมิ่งชิงเสวียนกล่าว “คุณเฉินครับ คุณสะดวกถอดเสื้อออกหรือเปล่า พวกเราอยากดูหลังของคุณครับ”

“ทำไมต้องดูหลังฉันด้วยล่ะ” เฉินรุ่ยเจ๋อไม่ได้สงสัยคนที่ฉยงเหรินพามา เพียงแต่รู้สึกประหลาดใจ “ดูจากหลังได้เหรอว่าเจอผีหรือเปล่า”

เมิ่งชิงเสวียน “คุณไม่ได้เจอผีครับ แต่ถูกคนเล่นของใส่”

“ใครจะมาเล่นของใส่ฉัน” เฉินรุ่ยเจ๋อไม่ค่อยเชื่อ “ถึงฉันจะชอบพูดเล่นว่ามีคู่แข่งอยู่ก็เถอะ แต่ฉันว่าคนประเภทเหมียวเจ๋อเหยียนคงไม่ถึงกับต้องการชีวิตฉันหรอก”

ฉยงเหรินเข้าใจความรู้สึกของเฉินรุ่ยเจ๋อ การได้รู้ว่ามีคนตัวเป็นๆ อยากให้ตัวเองตาย กับการถูกผีตามรังควานแบบไม่รู้ที่มาที่ไป ระหว่างสองอย่างนี้ อย่างแรกน่ากลัวกว่ามาก และยังยากจะยอมรับด้วย

เขาถามด้วยความใจเย็น “จะยังไงก็เถอะครับ ถ้าเจอผีหลอก เกินครึ่งก็จะมีจุดพลิกสถานการณ์อยู่ทั้งนั้น ช่วงนี้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเป็นพิเศษบ้างหรือเปล่า อย่างเช่นไปสถานที่ที่มีหลุมฝังศพ ซื้อวัตถุโบราณที่มีที่มาไม่ชัดเจน แจกันราชวงศ์หมิงชิง หรือไปสวมชุดงิ้วเก่าของคนอื่นตอนถ่ายทำอะไรแบบนี้น่ะครับ”

เฉินรุ่ยเจ๋อตั้งใจครุ่นคิดอยู่ครึ่งค่อนวัน แล้วก็ส่ายหน้าด้วยสีหน้าย่ำแย่

วันๆ เขาเอาแต่ยุ่งกับการถ่ายทำ ได้นอนสักครึ่งชั่วโมงก็รู้สึกขอบคุณฟ้าดินแล้ว จะมีอารมณ์ไปเล่นโบราณวัตถุที่ไหนล่ะ แจกันราชวงศ์หมิงชิงอะไรนั่น ทั้งเดือนนี้เขายังไม่ได้ออกไปจากกองเลย ชุดงิ้วทั้งหมดของกองถ่ายก็เป็นของใหม่ที่ทำให้เหมือนเก่าอีกที

แถมชุดงิ้วของเฉินรุ่ยเจ๋อยังมีเยอะมาก แต่รูปแบบไม่ได้เยอะนัก ชุดแบบเดียวกันต้องทำไว้หลายๆ ชุด แล้วทำเอฟเฟ็กต์ความเสียหายแบบต่างๆ ตามเรื่องราวในบท

แทบไม่มีทางไปสวมชุดที่มีประวัติได้เลย

“มีคนเล่นของใส่ฉันจริงๆ เหรอ” เฉินรุ่ยเจ๋อแม้แต่ลมหายใจก็ยังสั่นเทา

ฉยงเหรินเอ่ยเสียงเนิบช้าอ่อนโยน สามารถปลอบใจคนได้เป็นอย่างดี “ให้เสี่ยวหวังกับเสี่ยวเมิ่งดูหลังก่อนเถอะ”

คราวนี้เฉินรุ่ยเจ๋อไม่รอช้าอีกต่อไป เลิกเสื้อขึ้นมาด้วยตัวเอง

เขาผอมจนเห็นกระดูกนูนขึ้นมา ฉยงเหรินเห็นแล้วก็รู้สึกปวดใจ ไม่รู้ว่าในช่วงเวลานั้นเฉินรุ่ยเจ๋อต้องทนทุกข์ทรมานมามากแค่ไหน แต่อีกฝ่ายก็ไม่เคยขอลาหยุด ยังคงฝืนตัวเองมาถ่ายหนังทุกวัน

บูชางานเกินไปแล้วจริงๆ

เมิ่งชิงเสวียนบรรจงดึงเสื้อขึ้นไปถึงหลังคอ พร้อมว่า “มาดูสิครับอาจารย์ฉยง”

บนหลังเฉินรุ่ยเจ๋อมีเงาเขียวคล้ำจางๆ เหมือนรอยช้ำที่เพิ่งเกิดจากการถูกกระแทกแบบไม่ได้รุนแรงนัก รอยเขียวนี้ลามออกไปอย่างมีหลักการมาก ฉยงเหรินถอยออกไปไกลๆ แล้วถ่ายไว้หนึ่งรูป

เมิ่งชิงเสวียนปล่อยเสื้อของเฉินรุ่ยเจ๋อลง

เฉินรุ่ยเจ๋อร้อนใจมาก “บนหลังฉันมีอะไรเหรอ”

ฉยงเหรินให้เขาดูรูป ในรูปถ้าดูใกล้ๆ ก็อาจเห็นเป็นรอยฟกช้ำประปรายบนหลัง แต่เมื่อซูมออกดู พร้อมทั้งฉยงเหรินยังปรับค่าความอิ่มสีให้เห็นชัดขึ้น จึงสามารถมองออกว่ารอยช้ำบนหลังของเขาก็คือตัวอักษรตัวหนึ่ง

เฉินรุ่ยเจ๋อแค่คิดว่าบนหลังตนมีรอยตัวอักษรปรากฏขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด เขาก็สั่นสะท้านทันที มือที่จับฉยงเหรินอยู่สั่นระริกอย่างคุมไม่อยู่ “นี่มันคำว่าอะไร คงไม่ใช่คำว่าตายใช่ไหม…”

ฉยงเหรินเองก็ไม่เคยเห็นตัวอักษรนี้มาก่อน มันดูบิดเบี้ยว เหมือนพวกอักษรกระดองเต่า* หรือตัวอักษรจ้วนซู**

“ด้านบนมันเหมือนคนกำลังโต้คลื่นสองคน ด้านล่างเหมือนโอ่งขนาดใหญ่ที่เปิดฝาไว้” ฉยงเหรินยิ่งมองก็ยิ่งคุ้นตา ขมวดคิ้วกล่าว “มันคือคำว่า ‘แทน’ จากคำว่าตัวตายตัวแทนหรือเปล่า”

หวังป๋อตวนควักมือถือมาเสิร์ชเชียนตู้ทันที กล่าวด้วยความเลื่อมใส “คือคำว่า ‘แทน’ จริงๆ ครับ ท่านอาจารย์ฉยงชาญฉลาดที่สุด”

ฉยงเหรินยังคงมุ่นคิ้วยุ่ง “คำนี้หมายถึงจับตัวตายตัวแทนเหรอ ในเมื่อพวกเธอรู้ว่าบนหลังจะมีรอยพวกนี้ งั้นก็รู้แล้วใช่ไหมว่าเฉินรุ่ยเจ๋อโดนอะไรมา”

หวังป๋อตวนกล่าว “เป็นศาสตร์อักขระอย่างหนึ่งครับ”

ประวัติการบูชาอักขระสามารถย้อนสืบสาวไปได้ถึงประวัติศาสตร์อันยาวนาน อย่างเช่น การเผากระดองเต่า ใช้รอยแตกในการทำนาย เป็นต้น ความจริงแล้ววิธีการนี้ก็คือการบูชาอักขระในสมัยบรรพกาลอย่างหนึ่ง

เนื่องจากตัวอักษรจีนพัฒนามาจากอักษรภาพ คนจำนวนมากจึงเชื่อว่าในตัวอักษรจีนนั้นซ่อนสัจธรรมฟ้าคนเป็นหนึ่งเดียว* ไว้ สามารถพยากรณ์ดวงดีร้ายได้จากตัวอักษร ชื่อแซ่ของคนก็มีอิทธิพลต่อดวงชะตาทั้งชีวิตของคนคนนั้นเช่นกัน

ศาสตร์อักขระก็ใช้อาคมตัวอักษรในการเชื่อมประสานกับฟ้าดินเพื่อให้วัตถุประสงค์ของตนเองสำเร็จเช่นกัน หัวใจหลักของมันก็คือตัวอักษรที่ผู้ใช้อาคมเลือกใช้ ซึ่งสามารถทำให้บรรลุผลได้หลากหลาย

อย่างเช่นเมื่อผู้ใช้งานเขียนคำว่า ‘รวย’ สิ่งที่เฉินรุ่ยเจ๋อเห็นก็อาจจะไม่ใช่เงาดำ แต่อาจเป็นเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ยะสีแดงมงคลที่ค่อยๆ เข้าใกล้เขาทีละนิด แล้วร่างกายเขาก็จะไม่อ่อนแอลงทุกวันๆ แต่จะเริ่มมีโชคลาภทางการเงินแทน

ถ้าผู้ใช้เขียนคำว่า ‘งาม’ ไม่แน่เฉินรุ่ยเจ๋อก็อาจจะฝันเห็นหมอศัลยกรรมความงามก็ได้

เมิ่งชิงเสวียนเอ่ย “วัตถุดิบที่ใช้กับศาสตร์อักขระแบบนี้หายากมาก สิ่งที่ต้องแบกรับตัวอักษรนั้นจะเป็นกระดาษธรรมดาที่หาได้ทั่วไปไม่ได้ แต่ต้องเป็นผ้าแพรบนร่างคนตาย และจะใช้ได้แค่ผ้าส่วนลำตัวเท่านั้น เจ้าของผ้าแพรจะต้องลงโลงฝังไม่ต่ำกว่าสิบปี”

คนสมัยนี้สนับสนุนพิธีฌาปนกิจ ศพจะสวมอะไรก็ล้วนแล้วแต่ต้องนำไปเผาเป็นเถ้าถ่าน แม้ว่าสถานที่ไกลปืนเที่ยงจะยังมีพิธีฝังศพอยู่บ้าง แต่ก็มีอยู่น้อยที่จะสวมผ้าแพรลงโลง

มิหนำซ้ำผ้าแพรนี้ยังต้องฝังถึงสิบปี ผ้าส่วนลำตัวยังต้องสมบูรณ์ไม่มีความเสียหาย และจะเล็กเกินไปไม่ได้ หากเล็กเกินไปตัวอักษรที่เขียนก็จะเล็กตามไปด้วย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผลลัพธ์

เมิ่งชิงเสวียนว่าต่อ “หมึกที่ใช้เขียนตัวอักษรก็ยังยุ่งยากมาก ต้องใช้ต้นพังคี** เก่าเก็บ ใช้หมึกเขม่าไม้สนที่โตบนเนินหลุมศพที่กิ่งยื่นไปทางทิศหยิน แล้วยังต้องใช้กระดูกข้อนิ้วนิ้วนางทั้งมือซ้ายและมือขวาของคนนิรนามที่เกิดในปีหยินเดือนหยินวันหยินยามหยิน บดทั้งหมดให้เป็นผง เอาไปฝังไว้ในพื้นที่กาลกิณีร้ายแรงเป็นเวลาสี่ห้าปีถึงจะนำมาใช้ได้ครับ”

เมิ่งชิงเสวียนท่าทางดูซื่อบื้อไม่น่าเชื่อถือ แต่อย่างไรก็เป็นลูกหลานตระกูลเก่าแก่ เมื่อพูดถึงเรื่องเหล่านี้ก็ล้วนเต็มไปด้วยตรรกะเหตุผล ทำให้ฉยงเหรินเปลี่ยนมุมมองต่อเขาเล็กน้อย

เฉินรุ่ยเจ๋อฟังแล้วใจก็ยิ่งครั่นคร้าม “ลงทุนใช้ของอะไรยุ่งยากแบบนี้เพื่อเล่นของใส่ฉัน…เขาเป็นบ้าหรือเปล่า เขียนตัวอักษรมงคลให้ตัวเองไม่ดีกว่าหรือยังไง”

ฉยงเหริน “เอาของแบบนี้มาเขียนตัวอักษรมงคล เกรงว่าคงจะมงคลได้ไม่กี่น้ำหรอกครับ…”

หวังป๋อตวนพยักหน้า “อาจารย์ฉยงพูดถูกครับ พวกเรารู้วัตถุดิบคร่าวๆ ในการใช้ศาสตร์อักขระ แต่กับวิธีการโดยละเอียดนั้นไม่มีใครสืบทอดมานานแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นวิชาประเภทนี้ล้วนแต่เป็นการดื่มเหล้าพิษแก้กระหาย* ใช้แล้วไม่มีทางจบสวย สำนักสงฆ์สำนักพรตที่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรมไม่มีการเรียนการสอนให้ใช้วิชาพวกนี้”

แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นวิชาคุณไสย ผลลัพธ์ยิ่งแรง ขอบเขตที่จะเกิดผลก็ยิ่งกว้างขึ้น และข้อกำหนดสำหรับผู้ใช้คุณไสยก็จะยิ่งสูงขึ้นเช่นกัน การที่สามารถเสกศาสตร์อักขระใส่คนอื่นได้ เกรงว่าคงจะไม่ใช่แค่ปรมาจารย์คุณไสยชั้นฟ้าธรรมดาๆ

ดูอย่างที่พวกเขาอยากเรียนคาถาเรียกเหล่าจอมทัพอสนีบาตกับฉยงเหรินสิ หนึ่งคาถาต่อหนึ่งผลลัพธ์ ต้องวางแผนอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง ต่อให้เป็นแบบนั้น พวกเขาก็ยังใช้ไม่เป็นเลย

เพราะนัยในอักขระนั้นกว้างมาก ตัวอักษร ‘แทน’ จริงๆ แล้วบ่งชี้ถึงอะไรกันแน่ก็ยากจะอธิบาย แต่จากสถานการณ์ของเฉินรุ่ยเจ๋อ ความหมายแฝงของมันต้องเป็นคำว่าตัวตายตัวแทนอย่างไม่ต้องสงสัย

เฉินรุ่ยเจ๋อรู้สึกท้อแท้ ถามอย่างร้อนใจ “งั้นฉันควรทำยังไงดีล่ะ”

เมื่อคืนตอนเขาฝัน จู่ๆ ก็พบว่าเงาดำนั้นเริ่มปรากฏองคาพยพทั้งห้าบนใบหน้าแล้ว ดวงตาที่มองไม่เห็นคู่นั้นเผยรูปร่างออกมาเป็นครั้งแรก เฉินรุ่ยเจ๋อสังหรณ์ว่าหากตนยังไม่ขอความช่วยเหลือจากคนอื่นอีกก็อาจจะไม่ทันการณ์ เขาจึงโทรไปหาฉยงเหริน

ฉยงเหรินถอนหายใจเบาๆ “ทำไมถึงไม่รีบบอกผมตั้งแต่เนิ่นๆ ล่ะครับ จะอดทนคนเดียวตั้งนานขนาดนี้ไปทำไม”

เฉินรุ่ยเจ๋อ “การเงินของนายเพิ่งจะเข้าที่เข้าทาง ฉันเห็นตารางงานนายยุ่งขนาดนั้นก็เลยไม่อยากรบกวน ยิ่งไปกว่านั้น…จางเฮ่าก็บอกฉันทุกวันว่าฉันคิดมากไป ฉันก็เลยคิดว่าฉันอาจจะคิดมากเกินไปจริงๆ อย่างที่เขาว่าก็ได้ ช่วงนี้ถ่ายหนังเหนื่อย ต้องไดเอ็ตเพื่อบทเฉินเถาอยู่ตลอดด้วย ตอนกลางคืนจะนอนหลับไม่สนิทก็เหมือนจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ฉันเลย…”

ฉยงเหรินฟังแล้วก็โกรธสุดจะทน ท่านพญายมถูกเขาไล่ตะเพิดยังรู้จักเอาของกินมาเติมในตู้เย็น เอานมสดมาให้เขาเลย

จางเฮ่านี่เป็นคนยังไง ไม่ว่าเฉินรุ่ยเจ๋อจะเจอผีหรือไม่ก็ตาม แต่ตัวเขาผอมอย่างกับไม้เสียบผีอยู่แล้ว เดินหลายๆ ก้าวก็เหมือนจะเหนื่อยตายได้ แต่อีกฝ่ายดันไม่รู้จักเอาใจใส่ดูแลคู่ตัวเองเลย

เจ้าของโรงโม่ยังไม่ใช้งานลาลากโม่หนักขนาดนี้

ผู้ช่วยของเฉินรุ่ยเจ๋อเคาะประตู ก่อนยื่นหน้าเข้ามา “ผู้กำกับจางให้ผมมาถามว่าเสร็จหรือยังครับ”

เฉินรุ่ยเจ๋อพยักหน้า “ฉันต้องไปถ่ายต่อแล้ว พวกนายอยากตามไปดูด้วยไหม”

ตอนนี้ ‘พัดดอกท้อ’ ถ่ายมาถึงฉากที่ซ่งอวิ๋นเฉิงเสียชีวิตจากการป่วยหนัก เฉินเถาตรอมใจจนผอมเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก แม้แต่การแต่งหน้าก็ยังไม่จำเป็นสำหรับเฉินรุ่ยเจ๋อ สภาพเขาตอนนี้ก็คือจวนเจียนจะตรอมใจตายตามคนรักไปอยู่แล้ว

“แน่นอนครับ” ฉยงเหรินกล่าว “ผมจะไปดู”

เฉินรุ่ยเจ๋อยิ้มอย่างซาบซึ้ง

เมื่อเดินมาถึงนอกประตูก็ไม่นึกว่าจางเฮ่าจะอยู่ด้วย เฉินรุ่ยเจ๋อเห็นเขาก็ไม่แม้แต่จะชายตามอง จางเฮ่ายิ้มกระอักกระอ่วน “ถ้าคุณไม่วางใจจริงๆ วันนี้เสร็จกองแล้วพวกเราไปเชิญคนที่วัดมาทำพิธีกัน”

เฉินรุ่ยเจ๋อพูดเสียงเย็นชา “ไม่ต้องหรอก ฉยงเหรินมาแล้ว”

จางเฮ่าเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ “ฉยงเหริน?”

ฉยงเหรินคิดในใจ คุณประหลาดใจอะไรล่ะ ข้างๆ ผมมีนักพรตน้อยออกมาฝึกตนในสังคมโลกภายนอกสองคนเลยนะ สายมูเตลูแต่ละสายก็ช่วยเชียร์ช่วยชวนคนมาโหวตให้ผมด้วย ขนาดตอนทำพิธีในวัดในอารามยังต้องเปิดเพลง ‘อุบัติสุขาวดีคาถา’ เวอร์ชั่นที่ผมร้องเลย ผมมาจัดการปัญหาเรื่องที่เฉินรุ่ยเจ๋อเจอผีก็ไม่ใช่เรื่องแปลกไม่ใช่หรือไง

อา…ฟังจากที่เฉินรุ่ยเจ๋อบอก จางเฮ่าคงไม่เชื่อเรื่องพวกนี้สินะ เพราะงั้นอีกฝ่ายก็เลยน่าจะมองข่าวเรื่องอภิปรัชญาทั้งหลายที่เกี่ยวกับเขาว่าเป็นการปั่นกระแส

ตอนนี้เฉินรุ่ยเจ๋อผอมจนน่ากลัว ไม่ต้องให้จางเฮ่าขยับหลีกทางให้ก็สามารถเบี่ยงตัวแทรกออกจากข้างตัวเขาได้สบายๆ ฉยงเหรินจะตามไปด้วย แต่ถูกจางเฮ่าดึงตัวไว้

ฉยงเหรินจึงบอกให้เมิ่งชิงเสวียนกับหวังป๋อตวนตามไป ส่วนตนก็หันไปถาม “ว่าไงครับ”

“ช่วงนี้เสี่ยวเจ๋อมีปัญหาทางจิตใจค่อนข้างรุนแรง ชอบฝันว่าตัวเองเป็นคนป่วยที่ขยับไปไหนไม่ได้ น่าจะเป็นเพราะอินกับบทเฉินเถาเกินไป เธอช่วยฉันโน้มน้าวให้เขาไปหาหมอได้หรือเปล่า” จางเฮ่าดูท่าทางกลัดกลุ้มใจมาก “ป่วยก็ต้องรักษา จะบ่ายเบี่ยงไม่ไปรักษาไม่ได้ เขานอนหลับไม่สนิทเลยสักคืน ผอมจนไม่เหลือเค้าเดิมแล้ว ฉันพูดไปเขาก็ไม่ฟัง”

ฉยงเหรินประหลาดใจ “เห็นๆ อยู่นี่ว่าคุณต่างหากที่ไม่ฟังเขา ผมรู้ว่ามีคนบางคนที่ไม่เชื่อเรื่องผี แต่นั่นก็ไม่อะไรหรอก แต่ถ้าคุณลองตั้งใจคุยกับเขาดีๆ สักครั้งคุณก็จะรู้ว่าคนในฝันของเขานั่งวีลแชร์ไฟฟ้า เฉินเถาเป็นคนยุคแปดศูนย์ เขาตรอมใจอย่างหนักเพราะการตายของซ่งอวิ๋นเฉิง แต่ก็ไม่ได้ถึงกับเป็นอัมพาต ไม่จำเป็นจะต้องนั่งวีลแชร์ด้วยซ้ำ แล้วเฉินเถาจะไปหาซื้อวีลแชร์ไฟฟ้าที่วิ่งฉิวบนถนนได้แบบปัจจุบันจากที่ไหนล่ะครับ”

ฉยงเหรินน้ำเสียงกระแทกกระทั้น จางเฮ่าอึ้งไปชั่วขณะ เห็นได้ชัดว่าเพิ่งเคยได้ยินรายละเอียดที่ฉยงเหรินพูดครั้งแรก

“แล้วก็ในเมื่อพวกคุณอยู่ด้วยกัน คุณไม่เคยสังเกตเห็นรอยช้ำบนหลังเฉินรุ่ยเจ๋อเลยเหรอครับ”

จางเฮ่าชะงัก “เขามีเข้าฉากทะเลาะกับคนอื่นด้วย รอยช้ำคงจะเกิดจากตอนนั้นหรือเปล่า นักแสดงต้องเจอกับการชนการกระแทกตลอด มันเลี่ยงยากน่ะ ฉันทายาดองแก้ฟกช้ำให้เขาไปแล้ว”

ฉยงเหรินกำหมัดแน่นกว่าเดิม ถึงจางเฮ่าจะเป็นผู้กำกับที่ดี แต่ในฐานะแฟนหนุ่มเขาห่วยแตกเกินไปแล้ว

ฉยงเหรินล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าหน้าอก เปิดรูปที่เพิ่งถ่ายเมื่อกี้ให้จางเฮ่าดู “อุบัติเหตุจากกองจะทำให้ช้ำแบบนี้ได้เหรอครับ”

ต้องบอกว่าสมแล้วที่จางเฮ่าเป็นผู้กำกับชื่อดัง ค่อนข้างจะมีวัฒนธรรมอยู่บ้าง เพียงปราดเดียวก็มองออกว่านี่คือคำว่า ‘แทน’ แบบตัวอักษรจ้วนซู

“นี่มันอะไร ทำไมถึงมีคำนี้ล่ะ…” จางเฮ่าขมวดคิ้วแน่น

หรือว่าจะเจอผีจริงๆ

ขณะนั้นเองจางชิงชิงก็โทรมาหาฉยงเหริน อาจเพราะฉยงเหรินไม่ตอบกลับวีแชตเลย อีกฝ่ายจึงติดต่อหาเขาด้วยตัวเอง

ฉยงเหรินทำมือขอหยุดคุยชั่วคราวให้จางเฮ่า

“พ่อ อะแฮ่ม อาจารย์ฉยงครับ คุณเห็นรูปหูฟังหรือยัง พอใจหรือเปล่า นี่ผมปฏิเสธออเดอร์ลูกค้ารายใหญ่รีบมาทำให้คุณเลยนะ”

ที่จริงฉยงเหรินยังไม่มีเวลาตั้งใจดูรูปเลยสักนิด แต่เขาเชื่อฝีมือจางชิงชิงมาก จึงกล่าว “ฝีมือคุณไม่มีทางผิดพลาดหรอกครับ”

จางชิงชิงที่อยู่ปลายสายหัวเราะฮี่ๆ

ฉยงเหรินถือโอกาสถาม “ลูกค้ารายใหญ่อะไรเหรอครับ”

“ห้าร้อยชิ้นที่สั่งผมแค่คำนวณปริมาณเผื่อไว้ คุณจะมารับก่อนส่วนหนึ่งก็ได้ครับ ที่เหลือจะเลื่อนไปอีกหน่อยก็ได้ ถ้าออเดอร์ใหญ่หายไปคงน่าเสียดายแย่”

หูฟังของเขาเอาแค่รับประกันได้ว่าจะพอให้ยมบาลในนรกจานถูใช้ก่อนก็พอ ที่เหลือไม่จำเป็นต้องรีบร้อน

จางชิงชิงกล่าว “ก็ลูกค้ารายใหญ่ที่เคยสั่งทำหวังเย่าชิงกับดาราคนอื่นๆ กับผมนั่นน่ะครับ”

ฉยงเหรินกำมือถือแน่นทันใด แม้แต่หลังก็ยังเหยียดตรงด้วยความเกร็ง

จางชิงชิงยังคงพูดอยู่ปลายสาย “แต่พอผมคิดแบบเอาใจเขามาใส่ใจเราแล้ว ถ้าผมรู้ว่ามีลูกค้าไปสั่งทำตุ๊กตากระดาษรูปคุณกับเพื่อนร่วมอาชีพคนอื่น ผมต้องโกรธมากแน่นอน ตอนนี้ผมสำนึกผิดแล้ว การละเมิดรูปถ่ายส่วนบุคคลของคนอื่นเป็นเรื่องไม่ดีจริงๆ ครับ ผมก็เลยบอกปฏิเสธออเดอร์นี้ไป ธุรกิจแบบนี้ผมคิดว่าอนาคตก็จะไม่ทำแล้วเหมือนกัน”

ฉยงเหรินลำคอเกร็งแน่น ถามซักไซ้ “เขาสั่งทำใครไปเหรอ”

จางชิงชิง “เมิ่งชิงเหิงกับฟู่จยาเจ๋อ เห็นบอกว่าอันที่สั่งทำไปก่อนหน้านี้ขึ้นราหมดแล้ว ตอนนี้รีบใช้มาก สองคนนี้เป็นคนดังทำผิดกฎหมายไปแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมเขายังไม่เลิกชอบกันอีก”

 

* อักษรกระดองเต่า เป็นตัวอักษรจีนโบราณยุคแรกที่สลักลงบนกระดองเต่าหรือกระดูกสัตว์ ซึ่งมีลักษณะเป็นอักษรภาพ

** จ้วนซู คือรูปแบบตัวอักษรจีนที่เส้นจะมีลักษณะเป็นทรงยาวและโค้งมนสม่ำเสมอ เริ่มใช้ในช่วงหลังจักรพรรดิจิ๋นซีฮ่องเต้รวบรวมแผ่นดินเป็นหนึ่ง

* ฟ้าคนเป็นหนึ่งเดียว เป็นแนวคิดปรัชญาของเต๋าที่กล่าวว่าฟ้าคือธรรมชาติ คนคือส่วนหนึ่งของธรรมชาติ

** ต้นพังคี เป็นพืชสมุนไพรที่เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก มักใช้รากเป็นยารักษา แก้ไข้ แก้ปวดท้อง หรือประคบแก้ปวด

* ดื่มเหล้าพิษแก้กระหาย เป็นการอุปมาถึงการหวังแต่จะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าโดยไม่คิดถึงผลร้ายแรงที่จะตามมา

 

หน้าที่แล้ว1 of 2

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 1

บทที่ 1 สายฝน+ไหวพริบ ต้นฤดูใบไม้ผลิเมืองเซิ่งจิงมีฝนตกชุก ราวกับผ้าไหมผืนบางที่ปกคลุมผืนฟ้า ทำให้ลานที่รกร้างเงียบเหงาข...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 2

บทที่ 2 ความสงสัย+คลื่นใต้น้ำ เจ้าเมืองหลี่ตามซูโม่อี้ออกไปแล้ว หลินหวั่นชิงเห็นเงาของเขาวิ่งอยู่ไกลๆ รู้สึกว่าชุดทางการ...

ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง

ทดลองอ่าน ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง บทที่ 124

บทที่หนึ่งร้อยยี่สิบสี่ เพราะเป็นภาคเรียนสุดท้ายนักเรียนปีสี่จะจบการศึกษาในฤดูร้อนของปีนี้ การเรียนการสอนในห้องเรียนแทบจ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี บทที่ 27-1

บทที่ 27-1 หวงปอรับใช้อยู่ข้างกายฮ่องเต้มานาน แม้จะเทียบไม่ได้กับพวกไป๋ตันหย่งที่ยืนอยู่ข้างกายซ้ายขวาของฮ่องเต้มาตั้งแต...

community.jamsai.com