นิยายอินไซต์ มากกว่ารัก
รัตติกาลซ่อนกล นิยายสุดน่ารัก น่าติดตาม จนต้องชวนมาหวีด
‘รัตติกาลซ่อนกล’ (4 เล่มจบ) ผลงานของ ‘หนิงหล่ง’ เจ้าของผลงานเรื่องฮอตอย่าง ‘บุปผารัตติกาลแห่งฉางอัน’ (4 เล่มจบ) นิยายรักเรื่องใหม่จากแบรนด์ มากกว่ารัก ซึ่งกำลังมาแรงและมีนักอ่านพูดถึงจำนวนมากในขณะนี้ เรื่องราวของคุณหนูผู้สูงศักดิ์นางทั้งอ่อนหวาน น่าทะนุถนอม ฉลาดเฉลียวรอบรู้วิชา แต่ชีวิตพลิกผันกลายเป็นบุตรีขุนนางต้องโทษจำต้องถูกควบคุมตัวไปยังเมืองหลวงโดยมีผู้บัญชาการหน่วยองครักษ์เสื้อแพรคอยคุ้มกัน เรื่องราวจะสนุกเข้มข้น น่ารักและน่าติดตามขนาดไหนไม่ควรพลาดตามแจ่มมาทำความรู้จักนิยายเรื่องนี้กันค่ะ
นิยายรักเรื่อง ‘รัตติกาลซ่อนกล’ (4 เล่มจบ) ต้องบอกเลยว่าเรื่องนี้กำลังมาแรงจริงๆ ซึ่งในขณะนี้เปิดขายครบทั้งสี่เล่มเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยก่อนหน้านี้แจ่มใสได้มีการปล่อยทดลองอ่านออกมา ส่งผลให้กระแสการพูดถึงนิยายรักเรื่องนี้เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อนๆ ที่ยังไม่ได้อ่านสามารถทดลองอ่านกันได้เลยนะคะ คลิกที่นี่
รัตติกาลซ่อนกล เรื่องราวของ ‘ฟู่หลันหยา’ นางเป็นบุตรีของ ‘ฟู่ปิง’ บิดาของนางเป็นถึงราชเลขาธิการผู้เคยยิ่งใหญ่ในราชสำนัก เขาเป็นขุนนางที่ได้รับความโปรดปรานจากอดีตฮ่องเต้เป็นอย่างมาก นางมีพี่ชายคนหนึ่งนามว่า ‘ฟู่เหยียน’ เมื่ออดีตฮ่องเต้สวรรคตฮ่องเต้พระองค์ใหม่ขึ้นครองราช บิดาของนางกลับตกต่ำลง ตอนแรกถูกบีบให้ออกจากสภาขุนนาง หลังจากนั้นก็ถูกลดตำแหน่งลงเรื่อยๆ จนถูกขับออกจากเมืองหลวง บัดนี้บิดาถูกจองจำนางจึงกลายเป็นบุตรีขุนนางต้องโทษ หากนางไม่อาจแก้ต่างให้บิดาได้ จะต้องมีกองสังคีตพร้อมสถานะ ‘ทาส’ รออยู่ที่ปลายทาง
‘ฟู่หลันหยา’ นางเป็นสตรีที่มีรูปโฉมงดงามมีเสน่ห์เย้ายวนใจ กิริยาท่าทางงดงามน่ารัก อีกทั้งยังเฉลียวฉลาดรอบรู้วิชาสมกับเป็นบุตรีสกุลฟู่ จึงมีบุรุษมากมายหมายปอง เวลานั้นบิดาได้เฟ้นหาบุรุษที่เหมาะสมกับนางทั้งทางฐานะ สติปัญญาและรูปร่าง ซึ่งเขาคือคุณชายสกุลลู่ ทั้งสองฝ่ายได้หมั้นหมายกันไว้ก่อนรอเพียงอายุครบกำหนดนางจะแต่งออกไปเป็นภรรยาของคุณชายสกุลลู่ จากนั้นเกิดเหตุไม่คาดฝันคุณชายสกุลลู่พลาดพลั้งทำเรื่องมัวหมองไปมีความสัมพันธ์กับลูกพี่ลูกน้องญาติห่างๆ เมื่อบิดานางทราบข่าวถึงกับโกรธเกรี้ยวจึงได้ส่งจดหมายไปยังสกุลลู่เพื่อขอถอนหมั้นนางกับคุณชายสกุลลู่ หลังจากที่ครอบครัวของนางตกต่ำลง คุณหนูสกุลฟู่ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากสกุลลู่ จึงยิ่งโดดเดี่ยวมากยิ่งขึ้น
จนกระทั่งมีคำสั่งให้ ‘หวังซื่อเจา’ และหน่วยองครักษ์เสื้อแพรเร่งรุดไปยังสกุลฟู่เพื่อทำการยึดทรัพย์ ภายใต้คำสั่งของทางการเขามีเจตนาที่ไม่ดีแอบแฝงอยู่ หวังซื่อเจาหมายปอง ‘ฟู่หลันหยา’ ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกันตอนนางยังเป็นคู่หมั้นของคุณชายสกุลลู่ เมื่อสบโอกาสเดินทางมายึดทรัพย์สกุลฟู่ในครั้งนี้เขาจึงหวังผลในตัวนาง
ขณะเดียวกันฮ่องเต้ก็ได้มีบัญชาให้ ‘ผิงอวี้’ ผู้บัญชาการหน่วยองครักษ์เสื้อแพรไปเป็นผู้คุมตัวนางกลับมายังเมืองหลวง จึงทำให้ ‘หวังซื่อเจา’ ทำอะไรไม่ได้สะดวกตามที่หวังไว้ เขาได้แต่เก็บความโกรธเกรี้ยวไว้ภายใน รอเมื่อโอกาสมาถึงเขาจะไม่ปล่อยผิงอวี้เอาไว้เป็นแน่
‘ผิงอวี้’ ผู้บัญชาการหน่วยองครักษ์เสื้อแพร รูปโฉมหล่อเหลา ทะนงองอาจดุจขุนเขา เส้นทางการรับราชการของเขาไม่ได้ง่ายดาย นับได้ว่าเป็นบุรุษที่เก่งกล้ามีความสามารถผู้หนึ่ง เมื่อตอนเขาอายุสิบห้าปี ‘ซีผิงโหว’ บิดาของเขาถูกถอดออกจากตำแหน่งและโยกย้ายไปถิ่นทุรกันดาร ผิงอวี้ซึ่งเป็นบุตรชายคนเล็กของซีผิงโหวก็พลอยถูกเนรเทศไปยังเมืองเซวียนฝู่ด้วย เขากลายเป็นเชลยศึกออกรบแนวหน้าที่เมืองเซวียนฝู่ การเป็นเชลยศึกออกไปรบในครั้งนั้นทำให้เขาถูกจับตัวไป ซึ่งทำให้เกิดเหตุการณ์ฝังใจจนทำให้เขาไม่คิดเข้าใกล้สตรีจวบจนวันนี้
เวลานั้นเขาได้หนีรอดจากการจับกุมตัว อีกสองปีต่อมาเขาได้ช่วยชีวิตฮ่องเต้จากค่ายทหารที่กำลังถูกไฟไหม้และช่วยให้บิดาที่มียศเป็นซีผิงโหวกลับคืนสู่ตำแหน่ง นี่เป็นเพียงความดีความชอบส่วนหนึ่งที่เขาสร้างไว้ส่งผลให้หน้าที่การงานของเขาเติบโตจนถึงบัดนี้
ระหว่างที่ ‘ผิงอวี้’ ไปควบคุมตัว ‘ฟู่หลันหยา’ ทำให้มีโอกาสได้ใกล้ชิดกัน ซึ่งที่ผ่านมาเขาเป็นชายหนุ่มที่ไม่ชอบใกล้ชิดสตรี บัดดี้เมื่อที่ได้ใกล้ชิดนาง เขากลับค่อยๆ เปลี่ยนไป มีเหตุการณ์หรือสิ่งใดที่ทำให้เรื่องราวที่เคยฝังใจแปรเปลี่ยน ระหว่างการเดินทางเขาและนางได้ใกล้ชิดกัน เรื่องราวจะน่ารัก น่าติดตามและชวนลุ้นอย่างไรไม่อยากให้เพื่อนๆ พลาดเลยค่ะ
ส่วน ‘ฟู่หลันหยา’ นางจะแก้ต่างให้บิดาได้หรือไม่ บุตรีขุนนางต้องโทษกับผู้บัญชาการหน่วยองครักษ์เสื้อแพรความสัมพันธ์จะดำเนินไปอย่างไร รับรองว่าหนุ่มซึน ‘ผิงอวี้’ และสาวงาม ‘ฟู่หลันหยา’ จะทำให้ใครหลายคนใจสั่นไหวกันหลายริกเตอร์อย่างแน่นอน หากเพื่อนๆ คนใดยังไม่ได้อ่านแนะนำให้ทดลองอ่านหรือช้อปให้ครบทั้งสี่เล่มเพื่ออ่านรวดเดียวจบแบบไม่ให้สะดุดก็จะยิ่งดีไม่น้อยเลยค่ะ
ทดลองอ่านคลิกที่นี่
ตัวอย่างฉากหัวใจสั่นไหว
“ช่วยเอาดาบของท่านออกไปหน่อยได้หรือไม่ กดอยู่กับตัวข้าเช่นนี้ ช่างน่าอึดอัดเสียจริง”
“เหตุใดเจ้าต้องเอาแต่ขยับตัวไปมาอยู่ได้”
ฟู่หลันหยาพอมองรอบด้านแล้วก็ทำตัวแข็งไม่ขยับเขยื้อนอีก แม้แต่นิ้วมือยังไม่กล้ากระดิก พอได้ยินเขาต่อว่านางก็รู้สึกน้อยใจ ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นเล็กน้อย เงยหน้าจ้องมองเขาแล้วว่า “ข้าไปขยับตัวตั้งแต่เมื่อใด”
ผิงอวี้นิ่งอึ้งไป เบิกตากว้างจ้องมองนาง ใครเลยจะรู้ สายตาเขากลับรวมอยู่ที่ดวงตาวาววาม เห็นตาขาวกับตาดำตัดกันชัดเจน ทั้งรูปตาและสีของม่านตาดูงดงามจนใจเขาเต้นตึกตัก
มองสบตากับนางอยู่พักใหญ่ สายตาของเขาก็คล้ายถูกบางสิ่งบางอย่างดึงดูดไว้ให้เคลื่อนลงไปทีละน้อยๆ กวาดผ่านจมูกโด่งสวยงาม ไปจรดที่ริมฝีปากแล้วถูกตรึงไว้เช่นนั้น ไม่อาจถอนสายตาไปที่อื่นได้
อาจเพราะเมื่อครู่เพิ่งจะตกใจกลัวลนลาน ริมฝีปากแดงอิ่มของนางจึงดูแห้งอยู่บ้าง มิได้วาววามฉ่ำวาวเหมือมยามปกติ แต่ก็ทำให้เขาเกิดความรู้สึกอยากจะลิ้มลองขึ้นมาอย่างรุนแรง
เขากัดฟันอดกลั้นแล้วหลับตาลงอีกครั้ง แหงนหน้าเอาศีรษะพิงผนังโพรงไว้
ทว่าความรู้สึกที่มีนางอยู่ในอ้อมอกกลับชัดเจนถึงเพียงนี้ แม้ไม่ได้ลืมตาแต่ก็ไม่อาจทำเป็นเมินเฉยต่อความรู้สึกกระตุ้นเร้าที่บังเกิดขึ้นอย่างรุนแรงในส่วนลึกได้
นิ่งเงียบไปพักใหญ่ ฟู่หลันหยาก็เริ่มขยับร่างกายเพราะไม่ค่อยสบายตัว นางกระซิบบ่นว่า “ช่วยเอาดาบของท่านออกไปหน่อยได้หรือไม่ กดอยู่กับตัวข้าเช่นนี้ ช่างน่าอึดอัดเสียจริง”
....
“ใต้เท้าผิง ช่วยขยับดาบของท่านออกไปหน่อยได้หรือไม่”
พูดจบก็เห็นเขานิ่งอยู่ไม่มีท่าทีจะตอบรับ นางจึงเงยหน้ามองด้วยความสงสัย เห็นเขาหลับตาแน่น หน้าผากมีเหงื่อผุดพราว ใบหน้าแดงก่ำกว่าที่เคย ราวกับคนป่วยหนักอย่างไรอย่างนั้น
“ใต้เท้าผิง?”
นางรู้สึกสงสัยยิ่งนัก กำลังจะออกปากถาม ผิงอวี้ก็ตัดบทนางพลางแค่นเสียงตอบ “ไม่ได้!”
ฟู่หลันหยาถูกเขาปรามก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงขยับดาบออกไปไม่ได้ นางนิ่งเงียบอยู่พักหนึ่ง แล้วคิดเสียว่าเขาคงหงุดหงิด จึงจงใจทำทีเป็นศัตรูกับนาง
นางเหลือบมองเขา เห็นเขาไม่ยอมขยับตัวก็จำต้องลงมือเอง จึงยกมือข้างหนึ่งคลำลงไปด้านล่าง คิดเพียงแต่จะดันด้ามดาบให้เบี่ยงออกด้านข้างเท่านั้น
ใครเลยจะรู้ นางเพิ่งจะขยับตัว ผิงอวี้ก็ราวกับล่วงรู้สิ่งที่นางจะทำ จึงคว้ามือนางจับไว้แน่นแล้วถลึงตามอง แทบจะแค่นเสียงตะคอกว่า “บอกแล้วว่าอย่าขยับตัว! ไม่เข้าใจหรือไร!”
....
เวลานี้ฟู่หลันหยาไม่คำนึงถึงเรื่องน่าอับอายอีกแล้ว นางจึงทำตัวนิ่งๆ อยู่ในอ้อมกอดของเขา ไม่กล้าขยับแม้แต่น้อย ด้วยเกรงว่าจะกลายเป็นการเพิ่มภาระให้เขาจนทำให้กระโดดออกไปจากที่นี่ไม่ได้
ใครเลยจะรู้ ขณะจะกระโดดพ้นปากถ้ำอยู่แล้ว ผิงอวี้กลับเป็นอะไรไม่ทราบได้ จู่ๆ แขนก็อ่อนเปลี้ย ทั้งสองจึงร่วงตกลงมาในอุโมงค์อีกครั้ง
ฟู่หลันหยาตกลงมาจนมึนงงไปหมด ได้แต่ลูบคลำส่วนที่เจ็บป้อยๆ พลางมองดูผิงอวี้ คนผู้นี้เป็นอะไรไปอีกเล่า ข้าเคยเห็นฝีมือเขามาก่อนหน้านี้เรียกได้ว่าไม่ธรรมดาเลย เหตุใดพื้นอุโมงค์ที่ดูต่ำเตี้ยแค่นี้กลับกระโดดออกไปไม่พ้น
ผิงอวี้ใจเต้นรัวจนหูอื้ออึง เหนื่อยหอบอยู่พักใหญ่ รอจนพละกำลังฟื้นฟูคืนมาจึงค่อยหันไปพูดกับฟู่หลันหยาอย่างไม่พอใจ “เจ้าหันไปสิ!”
“ไยต้องหันไปด้วย!” ฟู่หลันหยางงงันมิรู้ต้นสายปลายเหตุ น้ำเสียงจึงแสดงว่าเหลืออดเช่นกัน
ผิงอวี้ไม่พูดพล่ามอีกแล้ว จากนั้นจึงดึงตัวนางเข้าหาแล้วโอบรัดเอวของนางจากด้านหลัง ร่างเขาแนบแผ่นหลังของนาง แล้วโคจรลมปราณอีกครั้งเพื่อกระโดดขึ้นไป
คราวนี้หน้าอกเขาไม่ได้แนบกับส่วนอ่อนนุ่มสองข้างของนางแล้ว อาการสะบัดร้อนสะบัดหนาวจึงบรรเทาลงมาก เพียงอึดใจเดียวก็กระโดดออกมาได้
.....
ลมหายใจทั้งสองคนผสานรวมกัน ร่างกายเขาเกิดความรู้สึกผิดแปลก ทั้งร่างร้อนรุ่มพลุ่งพล่านคล้ายกำลังดื่มด่ำเมามายในฤทธิ์สุรา
ลมหายใจผิงอวี้สับสนว้าวุ่นขึ้นทุกทีเหมือนตกลงสู่บ่อโคลน เขาพยายามต้านทานอย่างสิ้นหวังในชั่วขณะหนึ่ง ในที่สุดก็เลิกต่อสู้กับตนเอง...ปล่อยให้ตนเองดื่มด่ำความงามตรงหน้าอย่างไร้การควบคุม หัวใจเขาเต้นรัวประหนึ่งตีกลองขณะประทับจูบลงบนนวลแก้มอ่อนนุ่มราวกลีบดอกสาลี่ของนาง
แทบจะในขณะที่แตะสัมผัสนั้นเอง ดวงตาดำขลับของเขาก็อัดแน่นไปด้วยแววปรารถนาอันเข้มข้น ลมหายใจหอบหนักขึ้นมาทันที สองแขนกอดรัดนางแน่นขึ้นอย่างอดใจไม่อยู่ พอถอนริมฝีปากออกจากนวลแก้ม ก็เคลื่อนต่อไปหมายประทับริมฝีปากยังกลีบปากแดงระเรื่อที่เขาโหยหามาเนิ่นนาน
กำลังจะสัมผัสกลีบปากนั้นอยู่แล้ว จู่ๆ เหงื่อที่ร้อนรุ่มก็ไหลลงมาตามสันจมูกร่วงลงสู่แก้มของนางอย่างไม่ทันตั้งตัว
ขนตาของนางกะพริบ ดวงตาเริ่มขยับ
นางกำลังจะลืมตาขึ้นมาแล้ว!
.....
นี่ป็นเพียงความสนุกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพื่อนๆ สามารถอ่านเพิ่มเติมใน ทดลองอ่าน หรือสั่งซื้อฉบับเล่มมาอ่านกันแบบเต็มๆ กันได้เลยนะคะ
สนใจสั่งซื้อนิยายรักเรื่อง รัตติกาลซ่อนกล (4 เล่มจบ)
- ช้อปออนไลน์กับแจ่มใส : คลิกที่นี่
- ช้อปที่ Jamclub (ซอยแซมมี่ อยู่ในซอยด้านข้างเมเจอร์ สาขาปิ่นเกล้า) หรือช้อปออนไลน์กับ Jamclub คลิกที่นี่
- ช้อปที่ร้านหนังสื่อชั้นนำทั่วประเทศ