ฉีซู่ยิ้มออกแล้ว เมื่อครู่นางคงตาฝาดไปกระมัง สีหน้าท่าทางของหลี่หยวนเพ่ยในตอนนั้นดูลึกล้ำยากหยั่งถึง ถึงกับคล้ายฮ่องเต้อยู่หลายส่วน ทำให้นางรู้สึกหวาดผวาขึ้นมาชั่วขณะ
พวกเขาเป็นพี่น้องกัน บางครั้งบางคราวจึงดูแล้วคล้ายกันกระมัง นางคิด
ใครต่อใครต่างพูดกันว่าเวลาตั้งครรภ์อารมณ์ของสตรีจะอ่อนไหวง่าย ความหวาดระแวงเหลวไหลในระยะนี้ก็คงเกิดขึ้นเพราะสาเหตุนี้กระมัง นางวิเคราะห์ประโยชน์และความเสียหายที่จะเกิดขึ้นให้หลี่หยวนเพ่ยฟังไม่ใช่แค่เพียงครั้งเดียว คิดว่าเขาคงไม่ทำเรื่องอะไรที่ไม่ฉลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทั้งสองกำลังจะมีลูกด้วยกันเช่นนี้ เพื่อลูกคนนี้ เขาก็ไม่ควรทำอะไรบุ่มบ่ามหุนหัน ต่อไปเมื่อลูกคลอดออกมาแล้ว เขาก็คงค่อยๆ สงบเยือกเย็นลง นางตั้งความหวังไว้เช่นนี้ โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวนางก็ผล็อยหลับไปในอ้อมอกของหลี่หยวนเพ่ยแล้ว
หลี่หยวนเพ่ยเห็นภรรยาหลับไป ก็สั่งให้สาวใช้หยิบเสื้อกันลมมา แล้วคลุมให้ภรรยาอย่างเบามือ เขาไม่อยากทำให้ภรรยาตกใจตื่นจึงนั่งอยู่ท่าเดิมไม่ขยับ ลมพัดกระโชกหน้าต่างที่แง้มอยู่จนเปิดออก พัดพาปุยหิมะเข้ามาในห้อง บางส่วนร่วงหล่นอยู่บนเปลวไฟในเตา เกิดเป็นควันจางๆ โชยออกมา
วันที่สิบห้าเดือนอ้ายรัชศกกวงเย่าปีที่สอง เทศกาลซั่งหยวนเวียนมาถึงอีกคำรบหนึ่ง
นี่เป็นเทศกาลซั่งหยวนครั้งที่สองนับแต่ฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์มา ปีที่แล้วอดีตฮ่องเต้สวรรคต ทุกคนยังอยู่ในความเศร้าโศก จึงไม่ได้จัดงานเฉลิมฉลองใหญ่โต เทศกาลซั่งหยวนปีนี้กลับต่างไป ทุกหนแห่งเต็มไปด้วยบรรยากาศชื่นมื่น คล้ายรู้สึกได้ถึงความเบิกบานใจของอาณาประชาราษฎร์ในเมืองหลวง ฮ่องเต้จึงทรงนำพาพระสนมนางในและขุนนางทั้งหลายขึ้นไปบนกำแพงเมืองร่วมเฉลิมฉลองกับราษฎร
บุตรชายทั้งสองของหัวหน้าสำนักตรวจสอบซูมู่ต่างออกจากเมืองหลวงไปเป็นทหารแล้ว ในคฤหาสน์จึงไม่ครึกครื้นเช่นแต่ก่อน หลี่หยวนเพ่ยกับฉีซู่เป็นห่วงว่าญาติผู้ใหญ่ทั้งสองจะผ่านเทศกาลด้วยความเงียบเหงา จึงพากันมาที่คฤหาสน์สกุลซู ร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลกับมารดาและท่านลุง
ในคฤหาสน์ของซูมู่ก็ประดับประดาโคมไฟหลากหลายรูปแบบ เนื่องจากบนพื้นมีหิมะบางๆ ปกคลุมอยู่ชั้นหนึ่ง หลี่หยวนเพ่ยเกรงถนนจะลื่น เวลาออกมาชมโคมไฟจึงยิ่งดูแลประคับประคองภรรยาอย่างระมัดระวัง ซูมู่ลูบเครามองเงาร่างสองสามีภรรยาที่อิงแอบแนบชิดอยู่ด้วยกัน ยิ้มแล้วหันไปกล่าวกับซูอิ่น “เดิมทีข้ายังเป็นห่วงว่าหนิงอ๋องจะไม่รู้ประสา หลานสาวแต่งให้เขาจะต้องทุกข์ยากลำบาก มาวันนี้ดูแล้วหนิงอ๋องรักและเอาใจใส่นางเป็นอย่างดี”
ซูอิ่นพยักหน้ายิ้มบาง “เดิมข้าก็ไม่ชอบที่ลูกสาวแต่งให้เขา แต่เห็นพวกเขาสองสามีภรรยารักใคร่กันดี ข้าผู้เป็นแม่ยังจะพูดอะไรได้”
ซูมู่ผงกศีรษะเห็นด้วย แต่ก็อดทอดถอนใจไม่ได้ “ทว่าสามีภรรยารักใคร่ผูกพันกันมากเกินไปก็ไม่แน่ว่าจะเป็นเรื่องดี ดูอย่างเจ้ากับน้องเขย…”
“พี่ใหญ่” ซูอิ่นปรามพี่ชายไม่ให้พูดต่อ “ฉลองเทศกาลอยู่ ยังจะเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้คนหมดสนุกอีก!”
ซูมู่รู้นิสัยน้องสาว จำต้องยอมหยุดปาก แต่ในใจกลับอดทอดถอนใจไม่ได้ ตอนหานหล่างถึงแก่กรรม ซูอิ่นยังอายุน้อย อีกทั้งฉีซู่ก็เข้าไปอยู่ในวัง เขาเห็นว่าน้องสาวตัวคนเดียวโดดเดี่ยวจึงเกลี้ยกล่อมให้นางแต่งงานใหม่หลายครั้ง แต่ก็จนปัญญาพูดอย่างไรซูอิ่นก็ไม่ยอม ตอนนั้นเขาไม่เข้าใจ ภายหลังจึงค่อยๆ ขบคิดจนเข้าใจ คนที่น้องสาวแต่งงานด้วยคือหานหล่างบุรุษเพียบพร้อมเช่นนั้น บุรุษทั่วไปจะอยู่ในสายตานางได้อย่างไร เวลานี้เห็นฉีซู่สองสามีภรรยา เขาก็อดที่จะคิดถึงเรื่องในอดีตขึ้นมาไม่ได้ คู่สามีภรรยาในโลกนี้ที่ต่างเห็นกันเป็นศัตรูคู่แค้นย่อมถือว่าโชคร้าย ทว่าสามีภรรยาที่รักใคร่กันดูดดื่มแต่กลับต้องแยกจากกัน ไยมิใช่ยิ่งโชคร้ายกว่า