ตอนที่ 3
พอตกตะลึง มู่หวั่นชิวก็ตะโกนขึ้นอย่างตกใจ “นี่เป็นป้ายวิญญาณของปรมาจารย์เว่ย! คิดไม่ถึงว่านางจะฝังร่างอยู่ที่นี่” สายตาเลื่อนไปยังภาพหญิงงามเสมือนจริงหลังโต๊ะหินแล้วถามว่า “นี่ก็คือปรมาจารย์เว่ยหรือ”
“ข้าไม่เคยเห็นภาพวาดของปรมาจารย์เว่ยมาก่อน ในตำราลับของอาชิวไม่มีภาพวาดของนางหรือ” มองดูภาพวาดบนผนังถ้ำอย่างละเอียดแล้ว หลีจวินก็ส่ายหน้า สายตาเลื่อนไปบนป้ายวิญญาณที่หัวโต๊ะ แล้วตะโกนอย่างประหลาดใจ “เอ๋? เหตุใดเป็นป้ายเป็น”
“ป้ายเป็น?” มู่หวั่นชิวหันหน้ามา “อะไรคือป้ายเป็น”
“ป้ายเป็นก็คือป้ายวิญญาณที่ทำเพื่อคนเป็น บางอันทำเพื่อตอบแทนบุญคุณเรียกว่าป้ายทดแทนคุณ บางอันทำเพื่อขอให้มีอายุยืนยาว เรียกว่าป้ายอายุยืน” หลีจวินพูดอธิบาย “คนเป็นเรียก ‘ลู่เว่ย’ ใช้ป้ายสีแดง คนตายเรียก ‘หลิงเว่ย’ ใช้ป้ายสีเหลือง ป้ายนี้เป็นสีแดงเห็นได้ชัดว่าเป็นป้ายเป็น คิดว่าคงเป็นใครที่ได้รับบุญคุณจากปรมาจารย์เว่ยมาจึงได้ตั้งป้ายวิญญาณเอาไว้ที่นี่” ราวกับคิดอะไรขึ้นได้ หลีจวินจึงยิ้มให้มู่หวั่นชิวแล้วพูดว่า “อาชิวคงไม่รู้ ร้านไป๋จี้เพราะได้รับสูตรลับเม็ดหอมสี่ประสานสร้างตระกูลขึ้นมา ตระกูลไป๋จึงตั้งป้ายทดแทนคุณให้กับปรมาจารย์เว่ย เช้าจุดธูปเย็นเปลี่ยนน้ำกราบไหว้บูชา แต่ว่า…” หลีจวินขมวดคิ้วในทันใด “จะตั้งป้ายเป็นต้องไปที่วิหารกงเต๋อ ตั้งไว้ที่นี่แต่ไม่มาจุดธูปกราบไหว้จะมีประโยชน์อะไร”
วางป้ายวิญญาณไว้ที่นี่จนปล่อยให้ขึ้นรา ปล่อยตามมีตามเกิดเช่นนี้ แล้วจะมาตอบแทนบุญคุณได้อย่างไร
มู่หวั่นชิวส่ายหน้าเช่นกัน สิ่งเหล่านี้นางไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อยจึงเอ่ยปากพูดว่า “ไม่ว่าอย่างไรในเมื่อข้าได้ตำราวิชาปรุงเครื่องหอมตระกูลเว่ยมาแล้ว ก็นับเป็นศิษย์ของปรมาจารย์เว่ย ได้เจอป้ายวิญญาณของนางก็ต้องเซ่นไหว้จึงจะถูก”
มู่หวั่นชิวพูดไป กำลังจะคุกเข่าลงคารวะก็ได้ยินหลีจวินพูดว่า “อาชิวรีบดูสิ ที่นี่ยังมีตัวอักษรอยู่ด้วย”
มู่หวั่นชิวตัวสั่น มองไปตามเสียงของหลีจวิน และก็เห็นเป็นไปตามนั้น ตรงด้านหน้าโต๊ะหินสลักอักษรตัวเล็กๆ เอาไว้ นางจึงอ่านออกมาเสียงเบา
“ข้า เว่ยหง เกิดปีรัชศกเฉิงตี้ที่สิบ ชั่วชีวิตทำงานด้านการปรุงเครื่องหอม สิ่งที่เรียนรู้แต่งออกมาเป็นตำราสองเล่ม เล่มหนึ่งคือตำรารวมวัตถุดิบเครื่องหอมตระกูลเว่ยสามารถให้ผู้เรียนรู้เบื้องต้นใช้เป็นพื้นฐาน อีกเล่มคือตำราวิชาปรุงเครื่องหอมตระกูลเว่ยซึ่งได้บันทึกสูตรลับเครื่องหอมที่ข้าคิดค้นมาทั้งชีวิต ซ่อนไว้ในเรือนพักร้อนเมืองอันคัง หลังจากข้าจากไปแล้วขอมอบให้กับผู้มีวาสนา ผู้ที่ได้ตำราวิชาการปรุงเครื่องหอมตระกูลเว่ยและมาถึงที่นี่ได้ตามตำราชี้ทาง หากจริงใจที่จะเป็นศิษย์ตระกูลเว่ยของข้าก็ให้ทำพิธีไหว้อาจารย์ได้เลย” อ่านจบ มู่หวั่นชิวก็มองหลีจวินด้วยหน้าตาสดใส “ปรมาจารย์เว่ยตกลงรับข้าเป็นศิษย์แล้ว!” ใบหน้านางแดงเรื่อราวดอกท้อเดือนสาม
มีวิชาการปรุงเครื่องหอมตระกูลเว่ยติดตัว มู่หวั่นชิวจึงถือว่าตนเองเป็นศิษย์ตระกูลเว่ย แต่นางก็รู้ว่าตำราลับของตนเองเล่มนี้เป็นท่านพ่อที่ชิงมา ไม่ใช่แม่นางเว่ยที่ถ่ายทอดให้เอง หากแม่นางเว่ยยังมีชีวิตอยู่ จะยอมรับนางเป็นศิษย์หรือไม่ก็ยากจะพูดได้
เห็นคำพูดท่อนนี้ของแม่นางเว่ยแล้ว ความยินดีของมู่หวั่นชิวแค่คิดก็พอรู้ได้
หลีจวินมองนางที่ยิ้มอย่างสดใส
มู่หวั่นชิวจัดแต่งเสื้อผ้าแล้วคุกเข่าลงอย่างไม่ลังเล ก่อนจะส่งเสียงพูด “อาจารย์ โปรดรับการคารวะจากศิษย์ไป๋ชิวด้วย” นางโขกหัวสามครั้งให้ป้ายวิญญาณด้วยความเคารพ
โขกหัวเสร็จแล้วก็รู้สึกได้ว่าบริเวณที่หน้าผากแตะพื้นไปนั้นเหมือนจะมีส่วนปูดขึ้นมา มู่หวั่นชิวจึงยื่นมือไปลูบ เป็นฝักบัวเล็กที่สลักไว้บนพื้นหิน ซ่อนอยู่ใต้พื้นที่มีฝุ่นดินอีกที กอปรกับแสงในถ้ำมีอยู่น้อยนิด หากไม่ใช่เพราะหน้าผากของนางแตะโดนคงไม่มีทางเห็นแน่นอน
ฝักบัวอีกแล้วหรือ!