ตอนที่ 2
“พี่หลีกลับมาแล้วจริงหรือ” มู่หวั่นชิวที่กำลังสั่งการให้ล้างเครื่องมือในห้องปรุงเครื่องหอม เมื่อได้ยินคำพูดของโม่เสวี่ยแล้วก็ดีใจ
“บ่าวเพิ่งออกจากหออีผิ่นเทียนซย่าก็เห็นคุณชายหลีขี่ม้าผ่านไปเจ้าค่ะ” โม่เสวี่ยพยักหน้า
ร้านเหยาจี้พ่ายแพ้ เกรงว่าซุนมือไวคนเดียวจะรับมือไม่ไหว มู่หวั่นชิวที่เป็นหญิงบอบบางไม่รู้วรยุทธ์ ย่อมเดินทางไม่สะดวก หลีจวินจึงตัดสินใจเป็นตัวแทนนางไปที่ซั่วหยางอีกครั้งในเดือนสี่เพื่อรับซื้อร้านเหยาจี้ให้กับโรงธูปไป่เยี่ย
คำนวณดูแล้วหลีจวินจากไปแค่เพียงเดือนกว่า แต่มู่หวั่นชิวรู้สึกราวกับว่าเวลาได้ผ่านไปหลายปี นางคิดถึงเขาอีกแล้ว เมื่อเห็นโม่เสวี่ยพยักหน้า นางจึงวางงานในมือลงแล้ววิ่งออกไป
ได้รับจดหมายว่าเขาออกเดินทางแล้ว มู่หวั่นชิวคิดว่าอย่างน้อยต้องรออีกเจ็ดแปดวันกว่าที่เขาจะกลับมาถึงต้าเยี่ยได้ คิดไม่ถึงว่าเขาจะกลับมาเร็วเพียงนี้ เขาคงเร่งเดินทางทั้งวันทั้งคืนอีกแน่นอน
“คุณหนูจะไปที่ใดเจ้าคะ” โม่เสวี่ยก้าวเท้าตามไป “ท่านไม่ต้องร้อนใจไป อีกครู่คุณชายหลีต้องมาแน่นอน” น้ำเสียงมั่นใจอย่างมาก
ทุกครั้งที่หลีจวินไปต่างเมืองกลับมา ต้องมารายงานตัวที่คฤหาสน์ตระกูลไป๋ก่อนเป็นอันดับแรก นี่เป็นกฎประจำตัวของหลีจวินไปแล้ว
“ข้าจะไปดูสักหน่อย” มู่หวั่นชิวไม่ได้หันหน้ากลับมา
ทั้งที่รู้ว่าหลังจากหลีจวินพบบิดามารดาแล้วก็จะมาหานางทันที แต่เพราะนางทนรอไม่ไหว นางอยากจะพบเขาตอนนี้เลย
กลับถึงคฤหาสน์ตระกูลหลี หลังจากหลีจวินคารวะบิดามารดาแล้วก็รีบมาที่คฤหาสน์ตระกูลไป๋
ออกจากบ้านไปบ่อยครั้งก่อนหน้านี้ไม่ได้รู้สึกอะไร แต่ภายหลังแค่ไม่เห็นหน้ามู่หวั่นชิวเพียงวันเดียวเขาก็คิดถึงนางแล้ว โดยเฉพาะจากบ้านไปครั้งนี้พบว่าสายตาของมู่หวั่นชิวตอนที่มาส่งเขาเหมือนว่ามีความอาวรณ์อยู่ หลีจวินถึงขั้นไม่อยากไปเมืองซั่วหยางเลยทีเดียว ยังไม่ทันจากไปหัวใจก็พุ่งกลับมาเสียแล้ว
เมื่อรับซื้อร้านเหยาจี้ จัดการงานทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เขาก็ไม่สนใจการรั้งตัวของซุนมือไว เร่งออกเดินทางทั้งวันทั้งคืนกลับมา ถึงกับทิ้งรถม้าแล้วขี่ม้า นอนกลางดินกินกลางทรายมาตลอดทาง ไม่ใช่เพราะเกิดเรื่องใหญ่ที่ร้านหลีจี้ แต่เพราะเขาอยากจะเจอหน้ามู่หวั่นชิวให้เร็วขึ้น
ก้าวขึ้นบันไดหินหน้าประตู หัวใจหลีจวินไม่เคยเต้นผิดจังหวะเช่นนี้มาก่อน เขาสูดหายใจลึกแล้วยกมือขึ้นเพื่อจะเคาะประตูในเวลาเดียวกับที่มู่หวั่นชิวก็เปิดประตูออกมาอย่างรวดเร็ว ขาข้างหนึ่งอยู่ในประตูข้างหนึ่งอยู่นอกประตู นางมองหน้าเขายืนนิ่งอยู่ตรงนั้น อ้าปากกว้างพลางพูดอะไรไม่ออก
“อาชิว…” หลีจวินเรียกอย่างตื่นเต้นยินดี
ภาพตรงหน้าพลันปรากฏม่านน้ำ มีชั่วขณะหนึ่งที่มู่หวั่นชิวอยากกระโจนเข้าไปหาเขา นางต้องจับประตูไว้แน่นถึงสะกดความหุนหันในใจตนเองลงได้ สายตาค่อยๆ สงบนิ่งลง “พี่หลีกลับมาแล้วหรือ” เห็นใบหน้าเหนื่อยล้าของหลีจวิน น้ำเสียงของนางก็แฝงความสงสาร “พี่หลีผอมลงอีกแล้ว”
หลีจวินมองนางเงียบๆ ใจสั่นเบาๆ เป็นระลอก เขารู้สึกว่ามีเพียงดึงนางเข้ามาในอ้อมกอดจึงจะสามารถคลายความคิดถึงของเขาที่มีมาตลอดทางได้ แต่ประสานกับสายตาสงบนิ่งของมู่หวั่นชิวแล้วมือที่ยื่นออกไปก็ชักกลับมา ก่อนจะหันหน้ามองไปทางด้านหลังของตนเอง “อาชิวรีบร้อนออกไปเช่นนี้จะไปที่ใดหรือ”
“ข้า…”
แน่นอนว่าไปพบเขาที่ร้านหลีจี้อย่างไรเล่า
คำว่าไปพบเขาเกือบจะหลุดออกจากปาก มู่หวั่นชิวก็กลืนคำพูดลงท้องไป นางพูดอึกอัก “หออีผิ่นเทียนซย่าเพิ่งจะนำเข้าเนื้อกวางสดมาชุดหนึ่ง ข้ากำลังจะไปดู” นางพูดพลางขยับเปิดทางประตู “พี่หลีเข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”
ได้ยินว่านางมีธุระจะออกไป หลีจวินก็ลังเลใจ อยากบอกนางว่าสายอีกนิดจะมาใหม่ แต่ว่าเขาคิดถึงนางเหลือเกิน เพิ่งได้พบหน้ากันทำให้เขาก็ไม่อยากจากไปโดยไม่ได้พูดกันสักคำ เห็นนางหลีกทางให้จึงก้าวยาวๆ เดินเข้าไป